สหพันธรัฐรัสเซีย
หรือสหภาพโซเวีตในอดีตที่ปกครองโดยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิตส์ ปัจจุบันปกครองแบบสหพันธ์สาธารณรัฐกึ่งประธานาธิบดี
เพราะสาธารณรัฐต่างๆ แบ่งแยกออกเป็นประเทศ 15ประเทศ ในปี ค.ศ.1991 จึงเกิดการล่มสลายของสหภาพโซเวีต
(ข้อมูลจากวิกิพิเดีย) จึงกล่าวได้ว่าชนชั้นนำในสหภาพโซเวีตในอดีตและปัจจุบัน มีความตระหนักในความเป็นอยู่ของสามัญชนทุกเชื้อชาติ
ศาสนาอย่างแท้จริง มากว่าความคงอยู่ของชาติที่มีมีความแตกแยกอย่างไร้มนุษยธรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทางตรงคือการขจัดผู้คิดต่างทางการเมือง ทางอ้อมคือการปฏิวัติรัฐประหารการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้วกำหนดกฎหมายรัฐธรรมนูญอนุรักษ์นิยม
เพื่อระงับความเจริญงอกงามของสติปัญญาประชาธิปไตย.
พื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักการปกครองที่สอดคล้องหลักศาสนาอย่างแท้จริง การปกครองแบบเผด็จการ
และสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์หมายความว่าไม่ตระหนักในหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ถือได้ว่าเป็นหลักการปกครองที่ขัดแย้งกับหลักศาสนา คือ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
เพราะการปกครองแบบเผด็จการ ,สมบูรณาญาสิทธิราชย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์
เป็นการปกครองที่ยึดติดกับความเป็นนิรันดร์ ซึ่งสัจจธรรม นั้น
ไม่มีสิ่งใดจะอยู่อย่างนิจนิรันดร์ จึงถือได้ว่าเป็นระบบการปกครองที่โกหก หลอกลวง
บิดเบือนหลักของศาสนาอย่างแท้จริง ซึ่งตรงข้ามกับหลักการปกครองของระบอบประชาธิปไตย
ที่สอดคล้องกับหลักของศาสนาที่ว่า "อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา"
แต่เพราะว่าคน/กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ยังยึดติดในกิเลส ยึดติดในตำแหน่ง
ยศฐาบรรดาศักดิ์ มากว่ายึดติดในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
จึงทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองแบบน้ำเน่าซ้ำซากอย่างน่าละอายต่อหลักคำสอนศาสนาและหลักการของระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แต่คิดว่าปัญหาทางการเมืองของประเทศจะผ่านพ้นไปได้แน่นอน
ถ้าทุกคนหันมายึดถือหลักคำสอนศาสนาและหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อย่างไม่บิดเบือน.
ที่มากไปกว่านั้น
ที่จะทำให้ปัญทางการเมืองของชาติผ่านพ้นไปได้
ต้องเกิดจากกลุ่มคนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องยึดหลักของศาสนาอย่างแท้จริง
ไม่ยึดติดความเป็นนิรันดร์อย่างผิดธรรมชาติ ,ต้องปราบปรามกลุ่มค้ายาเสพติด,กลุ่มอาชญากรรมอย่างตรงไปตรงมา
ไม่ยึดติดความคิดต่างทางการเมืองในการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้กระทำความผิด ในกลุ่มประชาธิปไตยนิยม ต้องมีความตระหนักในการที่จะสร้างเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพให้สามัญของชาติอย่างแท้จริง
ไม่ใช่ตระหนักที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ตนเองและวงศ์ตระกูลเป็นที่ตั้ง
มากว่าการสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาติไทยเจริญรุ่งเรืองเป็นที่ตั้ง
ซึ่งต้องเริ่มจากความตระหนักในการลด ละเลิกการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ต้องตระหนักที่จะก่อประโยชน์ให้เกิดเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพอย่างไรให้กับประเทศชาติโดยส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง
เพราะถ้าตระหนักในเงินเป็นที่ตั้ง
มากกว่าตระหนักในการสร้างเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ
การซื้อสิทธิ์ขายเสียง การทุจริตคอร์รัปชั่น การค้ายาเสพติด ก็คงไม่ลด ละ เลิก .
“เงินต้องไม่ได้มาเพราะการขายสิทธิ์ แต่เงินต้องได้มาหลังการไปใช้สิทธิ์ คือต้องใช้สิทธิ์ สร้างเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพ เพื่อใช้สิทธิ์
สร้างสิทธิ์ สร้างโอกาสทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
เพื่อความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเอง สังคมและประเทศชาติ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น