คนไทยเป็นคนชาติหนึ่งที่ฉลาดหลักแหลมไม่แพ้ชนชาติใด ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น,สิงคโปร์,ฝรั่งเศส,เยอรมัน,เกาหลีใต้,รัสเซีย หรือจีน แม้กระทั่งอินเดียและเนปาล ซึ่งเป็นถิ่นเริ่มการปกครองในระบบกษัตริย์ ก็ว่าได้และถิ่นเกิดของพระพุทธศาสนา ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูป การเมืองการปกครอง ในอดีตประเทศเหล่านี้บางประเทศยิ่งใหญ่กว่าประเทศไทย หรือบางประเทศก็เล็กกว่าประเทศไทย ปัจจุบันประเทศเหล่านี้เป็นต้น มีความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และโดยเฉพาะการเมือง ทั้งนี้ก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหรือ ปฏิรูปการเมืองการปกครองสู่ระบบใหม่ทั้งสิ้น ไม่มีประเทศใดที่ยึดมั่น ถือมั่นอยู่กับสิ่งที่อยู่เหนือความเป็นจริงของความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาๆ .พ.ศ.2475 เป็นบทพิสูจน์แล้วว่าประเทศไทยไม่แพ้ประเทศใดในโลก ในการพัฒนาประเทศชาติ ให้เป็นของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริง แต่ด้วยความปรองดองของคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงยังคง เป็นการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ปัญหาทางการเมืองมันก็เป็นเรืองปกติในระบอบประชาธิปไตยในช่วงระยะเริ่มแรก แต่เมื่อพัฒนาถึงช่วงหนึ่ง มันก็จะเข้าสู่ภาวะประชาธิปตยที่สมบูรณ์ในตัวของมันเอง แต่สำคัญเหนือสิ่งอืิ่นใดการเมืองจะเป็นการระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้นั้น การเมืองการปกครองของประเทศนั้นต้องปราศจากการนำสถาบันประมุขของประเทศเข้าไปแทรกแซงทางการเมืองไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น แม้กระทั่งสถาบันทางทหาร เพราะนั้นคือ หลักการที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ในการแก้ปัญหาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบใด ถ้ารัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้มีการนำสถาบันประมุขของประเทศและสถาบันทางทหารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ก็ถือได้ว่ารัฐธรรมนูญนั้นเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบธรรม ไม่สมควรได้รับการยอมรับ ต้องแก้ไขโดยกระบวนการของรัฐสภาที่เกิดจากการแทรกแซงของประชาธิปไตย โดยประชาชนและเพื่อประชาชน แต่ไม่ใช่เกิดจากของศักดินา โดยศักดินา และเพื่อศักดินา เพราะนี้คือ ร่างเงาของระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่แยบยลอย่างไทยๆ ที่ไม่ใช่มาตรฐานที่รับรองได้.ดังนั้น การที่มีนักวิชาการ หรือประชาชนที่คิดต่างทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ และสังคม ถือว่าเป็นสิทธิ อันชอบธรรม ที่สามารถกระทำได้ เพื่อเปิดปัญญา เปิดใจ และเปิดประเทศที่แท้จริง.ถ้าคิดว่าคนที่คิดต่างทุกคนเป็นคนเสียสติ หรือคนบ้า แล้ว ประชาชนในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือปฏิรูปการเมืองการปกครอง จนนำสู่ประเทศเจริญรุ่งเรืองทุกด้าน..คงเพราะความบ้า ความเสียสติ ประเทศถึงเจริญรุ่งเรือง แต่คนที่คิดและเข่นฆ่าประชาชนที่คิดต่างทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม ...เป็นคนดี มีสติใช่หรือไม่..ถ้าใช่ นี้แหละคือปัญหาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศอย่างแท้จริง จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปการเมืองการปกครองของประเทศต่างๆ...ประชาธิปไตย คือกุหลาบไร้หนาม...สมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือ เผด็จการ คือ ขวากหนามของสามัญชนในการที่จะดำรงชีวิตอย่างมีเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ.
วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555
ศักดินา คือ ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น
เมื่อปี พ.ศ. 2553 หลังรัฐบาลใช้วิธีเผด็จการ สลายการชุมนุม ผู้ที่ชุมนุมเรียกร้องให้มีการยุบสภาฯเพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ และเพื่อจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญ ฉบับเผด็จการบุคลล กลุ่มบุคคล และสถาบันทางการเมืองที่คิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ให้เป็นรัฐธรรมนูญ ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยเจตนารมณ์กลุ่มผู้ชุมนุม ต้องการให้การเมืองปราศจากการครอบงำของกลุ่มศักดินา เพราะหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 ศักดนาก็ยังยึดมั่น ถือมั่น ผิดหลักคำสอนศาสนา ที่ว่า"อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา " จากประวัติศาสตร์การเมือง หลัง พ.ศ.2475 มีการปฏิวัติ รัฐประหาร การกบฎ 24 ครั้ง(จากประวัติศาสตร์การปฏิวัติ รัฐประหารและกบฎ ในประเทศไทย) คงปฏิเสธไม่ได้ สัจธรรม คือ การกล่าวอ้างถึงชาติ ศาสนา และสถาบัน เข้ามาเกี่ยวข้องและครอบงำทางการเมือง จนเหตุการณ์บานปลายทุกครั้ง และทำให้มีการเข่นฆ่าคน/กลุ่มบุคคล/นักศึกษา ประชาชน และพรรคการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมหันต์ เพราะ ลำพังคน/กลุ่มบุคคล /พรรคการเมือง หรือประชาชนปุถุชนทางการเมือง คงไม่ถึงขั้นได้ใจลงมืออย่างโหดเหี้ยม ผิดมนุษย์กับผู้ชุมนุมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมทางการเมืองที่แท้จริง คือการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เพื่อให้มีเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ.
คนในประเทศใดๆไม่ด้อยไปกว่ากันในการเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างระบอบประชาธิปไตย และนำมาซึ่งความเจริญอันสูงสุด ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แต่ ถ้าประชาชนอยู่ในประเทศที่มีการปกครองโดยยึดอำนาจ บารมี ยศฐาบรรดาศักดิ์ ซึ่งหมายถึงโดยการกล่าวอ้างถึง 3 สถาบันในประเทศ มากกว่าการ ยึดเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ ประชาชนในประเทศนั้นๆก็จะด้อยกว่าประชาชนในประเทศอื่นอย่างแท้จริง เช่นกัน ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพราะขาดโอกาส ตามระบอบประชาธิปไตย อย่างมีเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ.
หลังเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ครม.ช่วงนั้น มีมติรับหลักการตั้ง คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และเมื่ออ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป. เดือนกรกฎาคม 2553 - กรกฎาคม 2555 ปรากฏว่า รายงานฉบับสมบูรณ์ของคอป.เป็นรายงานที่มีเนื้อหา คล้ายไปตามแนวทางของการวินิจฉัยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ว่าขัด มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ ซึ่งหมายความว่าถ้าสื่บหาความที่แท้จริงแล้วพิจารณาสรุปความจริงให้สอดคล้องกับกฎหมายที่ขัดแย้งกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ถ้าอย่างนี้ คน/กลุ่มบุคคล/พรรคการเมือง นักศึกษา และประชาชนคนธรรมดาๆ คงไม่ยอมให้ชีวิตตกเป็นเครื่องสังเวยให้กับศักดินาไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เหมือนดังในอดีต ฝ่ายเดียว.
status in terms of land , be point die , the end points to are ,
when , year , 2553 Buddhist back government Eras use the way s dictate , crumble congregating , who congregate call for have council contraction for , there is the administration elects new , and in order to , bring about to constitution editing , 2550 Buddhist Eras are which , be constitution dictates to cover , person group , and the political institution will that think to correct the constitution , 2550 Buddhist Eras to the constitution , at have the democratization more and more , by the group person congregate , want to testify a city without the covering conceals of status in terms of land group , because , change administration back , 2475 Buddhist Eras press the farm , still persist , persist in , wrong religion doctrine , that " , uncertainty , be distressful cage , The soulless , " , from politics history , back , 2475 Buddhist Eras have the revolution , coup d'etat , rebelling 24 time is ( , from revolution history , the coup d'etat and rebel , in Thailand ) , may can't deny , the truth , be , the quotation arrives at the nation , religion , and the institute , come in relate and possess political , poor the events costs more money in the end everytime , and make have person killing / , person group / , student , people , and the political party , which , be regarded as get into trouble unusual seriously , because , , alone a person / , person group , / , political party , or , person political people , may not too…to , become conceited start cruelly , wrong a human with person congregate political in the democracy , congregating political TRUE actually , be congregating calls for the democracy , for , there is the freedom , the equality and the brotherhood . , a person in the country will anything don't inferior to go to more in learning to will stay type democracy , and bring about topmost civilization , both political of , economy , and the social , but , , if , people is in the country where has the administration by seize the power , prestige , rank of nobility rank , which , mean by the quotation arrives at 3 the institute in the country , more than something , ( hold,seize ) the freedom , the equality and the brotherhood , people in the country such , will inferior to people in other country actually , also , both political of , economy , and the social , because , torn a chance , area the democracy , there is the freedom , the equality and the brotherhood . , the back there is an accident the event crumbles congregating period April , - , May 2553 period that cabinet , vote take the principle stands , free committee checks and seek the truth for harmonizing National , ( , graduate of theology neck ) , and when , read completed report of , graduate of theology neck , July 2553 - July 2555 appear that , , completed report of graduate of theology neck is a report that has the substance , resemble go to follow the trend of diagnosing about constitution editing , 2550 Buddhist Eras are that , polish , or not are 68 sections in 2550 constitutions ? , which , mean if , seek the actually TRUE then to consider summarize TRUE correspond the law where opposes with the principle governs in completed democracy , if , like this , a person is / , person group / , political party , student , and villager people , may don't let the life becomes the oblation gives with the status in terms of land neither the direct way or , The indirect , be like in the past , alone . ,
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555
เมื่อเดือนแห่งการปฏิวัติ
รัฐประหารโคจรมาบรรจบครบรอบอีกวาระหนึ่ง...กันยายน และ ตุลาคม จึงย้อนอดีตตั้งแต่
2475 ถึง 2549 การเมืองไทย ยังเวียนว่าย ตายเกิดอยู่อย่างซ้ำซาก
ไม่บรรลุสู่เจตนารมณ์ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ทำให้ภาพลักษณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เสียหายทั้งในระดับประเทศ สู่ระดับโลก
หรือจะเป็นเจตนาของคน/กลุ่มบุคคลที่จะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
เพื่อกลับย้อนสู่ตามแนวทางของอดีตที่ขมขื่น
โดยพวกศักดินารับสุขบนกองทุกข์ของชนชั้นล่างอย่างเลือดเย็น.
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองเหตุการณ์อัปยศต่อระบอบประชาธิปไตย
ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ครั้งล่าสุด 19 กันยายน
2549 ซึ่งเป็นปัญหาคลางแคลงใจอยู่จนทุกวันนี้
และนี้เป็นบทพิสูจน์ ว่าประเทศไทยจะคิดเดินหน้า สู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
หรือ ยังคงจะดำรงเอกลักษณ์อันน่าอัปยศ
จนนำไปสู่ปัญหาทางการเมืองและก่อให้เกิดการปฏิวัติ
รัฐประหารและเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองอย่างในอดีตทั้ง 24 ครั้ง
ที่ผ่านมา ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไป
หมายความว่า ประเทศไทย ไม่มีวันปลอดจากการปฏิวัติ รัฐประหาร แม้กระทั่งการทุจริตคอร์รัปชั่น
การค้ายาเสพติด และก่ออาชญากรรม เพราะปัญหาเหล่านี้
ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ประเทศไทยไม่มีเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพที่แท้จริง
แต่มีการใช้เส้นสายสร้างเสรีภาพ ความเสอมภาคและภราดรภาพ เพื่อสร้างความชอบธรรม
โดยวิธีการของอธรรม และกฎหมายไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอภาค. ดังนั้น หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
ศักดินาสูญเสียอำนาจไปในภาครัฐ
แต่ต้องการคงรักษาอำนาจส่วนกลางไว้ในนามประมุขของประเทศไว้
เพื่อสร้างโชคและสร้างวาสนาให้ตนเองคงอยู่ต่อไป
โดยที่จริงการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้น ก็เพราะว่าจะได้ใช้อำนาจ
บารมีของประมุขของประเทศ
สร้างผลประโยชน์ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจให้กับตนเองเป็นสำคัญ
โดยไม่ได้มุ่งหวังสร้างให้ประชาชนรู้จักใช้เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดร สร้างตนเอง
โดยตนเอง เพื่อตนเองและประเทศชาติเป็นสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
เมื่อคนดีที่คิดสร้างบ้านแปลงเมืองในระบอบประชาธิปไตย
แต่ถ้าคิดต่างกับเหล่าศักดินา เขาถือว่าเป็นคนไม่ดี และจะถูกสร้างเรื่องเพื่อขจัดออกไปจากวงโครจรทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม
อย่างคน/กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาในอดีต .
***
วิเคราะห์เดือนที่ทำการปฏิวัติ
รัฐประหาร และเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของประเทศไทย
เดือน ตุลาคม จำนวน 6 ครั้ง
1.กบฏบวชเดช ๑๑ ตุลาคม
๒๔๗๖ พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าฝ่ายทหารจากหัวเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ได้ก่อการเพื่อล้มล้างอำนาจของรัฐ
2.กบฏเสนาธิการ ๑ ตุลาคม
๒๔๙๑ พลตรีสมบูรณ์ ศรานุชิต และพลตรีเนตร เขมะโยธิน
เป็นหัวหน้าคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง
3.รัฐประหาร ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๑ เป็นการปฏิวัติเงียบอีกครั้งหนึ่ง โดยจอมพลถนอม
กิตติขจร
4.ปฏิวัติโดยประชาชน ๑๔ ตุลาคม
๒๕๑๖ การเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญของนิสิตนักศึกษา
และประชาชน
5.ปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ๖
ตุลาคม ๒๕๑๙ พลเรือเอกสงัด
ชลออยู่ และคณะนายทหารเข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ เนื่องจากเกิดการจลาจล
6.รัฐประหาร ๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๐
พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้าคณะนายทหารเข้ายึดอำนาจของรัฐบาล
ซึ่งมีนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี
เนื่องจากรัฐบาลได้รับความไม่พอใจจากประชาชน และสถานการณ์จะก่อให้เกิดการแตกแยกระหว่างข้าราชการมากยิ่งขึ้น
ประกอบกับเห็นว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในการปฏิรูปการปกครอง ซึ่งมีระยะเวลาถึง ๑๒
ปีนั้นนานเกินไป สมควรให้มีการเลือกตั้งขึ้นโดยเร็ว
เดือน มิถุนายน จำนวน 4 ครั้ง
1. ปฏิวัติ
24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร์
เปลี่ยนแปลงการปกครอง จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็น ระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ราชาธิปไตย )
2. รัฐประหาร ๒๐ มิถุนายน
๒๔๗๖ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา
พร้อมด้วยทหารบก ทหารเรือ และพลเรือนคณะหนึ่ง ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศอีกครั้งหนึ่ง
เพื่อขอให้พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออกจากตำแหน่ง
3. กบฏวังหลวง ๒๖ มิถุนายน
๒๔๙๒ นาย ปรีดี พนมยงค์
กับคณะนายทหารเรือ และพลเรือนกลุ่มหนึ่ง ได้นำกำลังเข้ายึดพระบรมมหาราชวัง
และตั้งเป็นกองบัญชาการ ประกาศถอดถอน รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม
และนายทหารผู้ใหญ่หลายนาย
4. กบฏแมนฮัตตัน ๒๙
มิถุนายน ๒๔๙๔ นาวาตรีมนัส
จารุภา ผู้บังคับการเรือรบหลวงสุโขทัยใช้ปืนจี้จอมพล ป. พิบูลสงคราม
ไปกักขังไว้ในเรือรบศรีอยุธยา
เดือน พฤศจิกายน
จำนวน 4 ครั้ง
1. รัฐประหาร ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ คณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมี พลโทผิน ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าสำคัญ
2. รัฐประหาร ๒๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจตนเอง
เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาได้
3.กบฏสันติภาพ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๗นายกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ศรีบูรพา) และคณะถูกจับในข้อหากบฏ เพราะเรี่ยไรเงิน
และข้าวของไปแจกจ่ายแก่ประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งขณะนั้นกำลังประสบกับความเดือดร้อน
เนื่องจากความแห้งแล้งอย่างหนัก
4.รัฐประหาร ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ จอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำการปฏิวัติตัวเอง ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ
ยุบสภาผู้แทนราษฎร
เดือน กันยายน จำนวน
3 ครั้ง
1.รัฐประหาร ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐อมพลสฤษดิ์
ธนะรัชต์ เป็นหัวหน้าคณะนายทหารนำกำลังเข้ายึดอำนาจของรัฐบาลซึ่งมีจอมพล ป.
พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี
2.การก่อความไม่สงบ ๙ กันยายน ๒๕๒๘พันเอกมนูญ รูปขจร นายทหารนอกประจำการ ได้นำกำลังทหาร และรถถังจาก ม.พัน ๔ ซึ่งเคยอยู่ใต้บังคับบัญชา และกำลังทหารอากาศโยธินบางส่วน ภายใต้การนำของนาวาอากาศโทมนัส
รูปขจร เข้ายึดกองบัญชาการทหารสูงสุด และประกาศให้ พลเอกเสริม ณ นคร เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองของประเทศ
3.รัฐประหาร ๑๙กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙รัฐประหาร ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นรัฐประหารในประเทศไทยซึ่งเกิดขึ้นในคืนวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ โดย คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(คปค.) ซึ่งมีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลินเป็นหัวหน้าคณะ
และขณะ เดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร ซึ่งได้ข่าวการรัฐประหารโดยได้พยายามติอต่อช่อง ๑๑ กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อการออกโทรทัศน์ แต่เนื่องจากไม่ได้มีการเตรียมไว้จึงทำให้การออกโทรทัศน์ไม่ได้และมีการโฟน
อินไปยังช่อง ๙ ประกาศใช้ พ.ร.ก สถานการณ์ฉุกเฉิน
เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ
ต่อ
มาเมื่อมีการยึดพื้นที่ได้ทำให้
พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี
แล้วประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร
รัฐประหารครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือน
ตุลาคม หลังจากที่การเลือกตั้งเดือนเมษายนถูกตัดสินให้เป็นโมฆะ
นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ดำเนินมายาวนานนับตั้งแต่
เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘
รัฐประหารดังกล่าวไม่มี
การเสีย
เลือดเนื้อและไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
ปฏิกิริยาจากนานาชาติมีตั้งแต่การวิพากษ์วิจารณ์โดยประเทศ
เช่น ออสเตรเลีย การแสดงความความเป็นกลาง เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน
ไปจนถึงการแสดงความผิดหวังอย่างสหรัฐอเมริกาซึ่งถือว่าประเทศไทยเป็น
พันธมิตรนอกนาโต และกล่าวว่าการก่อรัฐประหารนั้น "ไม่มีเหตุผลที่ยอมรับได้”
ภาย หลังรัฐประหาร
คปค.ได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ต่อมาวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึกใน ๔๑ จังหวัด รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ยังคงไว้ ๓๕ จังหวัด
เดือน กุมภาพันธ์ จำนวน 2 ครั้ง
1.รัฐประหาร
๒๓กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติซึ่งประกอบด้วย
ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ เจ้าหน้าที่-ตำรวจ และพลเรือน ภายใต้การนำของพลเอกสุนทร
คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ พลเอกสุจินดา
คราประยูร ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกประพัฒน์ กฤษณ-จันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ
พลอากาศเกษตร โรจนนิล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลตำรวจเอกสวัสดิ์ อมร-วิวัฒน์
อธิบดีกรมตำรวจ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ และพลเอกอสิระพงศ์
หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารบก เลขาธิการคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ได้เข้ายึดอำนาจการปกครองจากพลเอกชาติชาย
ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๒๑ ตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี
2.กบฏแบ่งแยกดินแดน
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๑ะมีการจับกุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายคน
เช่น นายทิม ภูมิพัฒน์ นายถวิล อุดล นายเตียง ศิริขันธ์ นายฟอง สิทธิธรรม โดยกล่าวหาว่าร่วมกันดำเนินการฝึกอาวุธ
เพื่อแบ่งแยกดินแดนภาคอีสานออกจากประเทศไทย แต่รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการจับกุมได้ เนื่องจากสมาชิกผู้แทนราษฏรมีเอกสิทธิทางการเมือง
เดือน เมษายน จำนวน
2 ครั้ง
1.รัฐประหาร
๖ เมษายน ๒๔๙๑คณะนายทหารซึ่งทำรัฐประหารเมื่อ ๘
พฤศจิกายน ๒๔๙๐ บังคับให้นายควง อภัยวงศ์
ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วมอบให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้าดำรงตำแหน่งต่อไป
2.กบฎ ๑ เมษายน ๒๕๒๔พลเอกสัณห์
จิตรปฏิมา ด้วยความสนับสนุนของคณะนายทหารหนุ่มโดยการนำของพันเอกมนูญ รูปขจร และพันเอกประจักษ์
สว่างจิตร ได้พยายามใช้กำลังทหารในบังคับบัญชาเข้ายึดอำนาจปกครองประเทศ ซึ่งมีพลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเกิดความแตกแยกในกองทัพบก แต่การปฏิวัติล้มเหลว
ฝ่ายกบฏยอมจำนนและถูกควบคุมตัว พลเอกสัณห์ จิตรปฏิมา สามารถหลบหนีออกไปนอกประเทศได้
ต่อมารัฐบาลได้ออกกฏหมายนิรโทษกรรมแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการกบฏในครั้งนี้
เดือน
มกราคม จำนวน 1 ครั้ง
1.กบฏพระยาทรงสุรเดช ๒๙ มกราคม ๒๔๘๑ ได้มีการจับกุมบุคคลผู้คิดล้มล้างรัฐบาล
เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้กลับไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ดังเดิม นายพันเอกพระยาทรงสุรเดชถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าผู้ก่อการ
และได้ให้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร
เดือน
มีนาคม จำนวน 1 ครั้ง
2.กบฎ
๒๖ มีนาคม ๒๕๒๐ พลเอกฉลาด หิรัญศิริ
และนายทหารกลุ่มหนึ่ง ได้นำกำลังทหารจากกองพลที่ ๙ จังหวัดกาญจนบุรี
เข้ายึดสถานที่สำคัญ ๔ แห่ง คือ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกสวนรื่นฤดี
กองบัญชาการกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า สนามเสือป่า
และกรมประชาสัมพันธ์ ฝ่ายทหารของรัฐบาลพลเรือน ภายใต้การนำของ พลเรือเอกสงัด
ชลออยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลอากาศเอกกมล เดชะตุงคะ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
และพลเอกเสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารบก ได้ปราบปรามฝ่ายกบฏเป็นผลสำเร็จ พลเอกฉลาด
หิรัญศิริ ถูกประหารชีวิตตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. ๒๕๒๐
เดือน สิงหาคม จำนวน
1 ครั้ง
1.กบฏนายสิบ ๑ สิงหาคม ๒๔๗๘ทหารชั้นประทวนในกองพันต่างๆ
ซึ่งมีสิบเอกสวัสดิ์ มหะมัด เป็นหัวหน้า
ได้ร่วมกันก่อการเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยจะสังหารนายทหารในกองทัพบก และจับพระยาพหลพลพยุหเสนาฯ
และหลวงพิบูลสงครามไว้เป็นประกัน รัฐบาลสามารถจับกุมผู้คิดก่อการเอาไว้ได้ หัวหน้าฝ่ายกบฏถูกประหารชีวิต
โดยการตัดสินของศาลพิเศษในระยะต่อมา
***
*เอกสารอ้างอิง : ศาสตราจารย์
ดร.ลิขิต ธีรเวคิน, "การเมืองการปกครองไทยของไทย",
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2543, 482 หน้า,
วิกิพีเดีย รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549
*M Thai โดนใจ
ทุก talk
วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
ปัญหาการเมืองและ 3จังหวัดชายแดนใต้ของชาติ คือ อคติที่มี ต่อเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ
ประชาชนจะรักชาติเดียวกัน เมื่อชาตินั้นมีเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ ประชาชนจะไร้คำว่าชาติเดียวกันนั้นเมื่อชาตินั้นไร้เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ เมื่อมีการกล่าวอ้างใช้คำว่าชาติ(ไทยพุทธ/ไทยอิสลามฯลฯ) ศาสนา(พุทธ,อิสลามฯลฯ)และสถาบันสมมุติเทพของไทยพุทธ/ไทยอิสลามฯลฯ อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้อยู่เหนือเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ เมื่อนั้น คือการทำลายชีวิตของมนุษยชาติ .
ในโลกแห่งความเป็นจริง การที่มนุษย์จะอยู่บนความแตกต่างอย่างมีสันติภาพตามบริบทที่สอดคล้องกับความเป็นสากลประเทศ คือการอยู่อย่างมีเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ ตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ ต้องไม่ใช่ช่ิองทางของการทุจริตคิร์รัปชั่น การค้ายาเสพติดและก่ออาชญากรรม ส่วนคำว่ารักชาติ ศาสนา สถาบัน ก็ต้องไม่ใช่วิธีการกำจัดมนุษยชาติที่คิดต่างทางการเมือง และต้องไม่ใช่ช่องทางหลบเลี่ยงกฏหมายอาญาชาติของพวกทำลายมนุษยชาติ การทุจิรตคอร์รัปชั่น ค้ายาเสพติดและก่ออาชญากรรม.
ดังนั้น ชาติ ศาสนา และสถาบันคือ คุณธรรม แต่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือการเมือง/อุดมการณ์ของมนุษยชาติ.
เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ คือ สิ่งที่อยู่เหนือการเมือง เพราะเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองของมนุษย์ ที่มีความต้องการดำรงชีวิตอยู่อย่างมนุษยชาติที่แท้จริง.
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวั ดของประชาชนใน3จังหวัดชายแดนภาค ใต้ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นของความเ ป็นมนุษย์ที่ส่วนใหญ่ต้องการเสร ีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือประชาชน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้คงไม่ต้องก ารการเมืองที่ครอบงำประชาธิปไตย หรือการครอบงำเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพของประชา ชน3จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้ จริง ถ้าเป็นไปอย่างการเมืองระดับประ เทศ คือมีการครอบงำระบอบประชาธิปไตย ทำลายระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญเป็นแพะรับบาป การจัดให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าร าชการในจังหวัดใน3จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ก็คงเป็นเพียงวิธีการครอบงำประช าชน3จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อผล ประโยชน์ทางการเมืองและการสร้าง ชาตินิยมอย่างบิดเบือน มากกว่าผลประโยชน์ของประชาชนอย่ างแท้จริง ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง. ถ้าต้องการสร้างสันติภาพ สู่ผลประโยชน์ของประชาชนจริง การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวั ดต้องปลอดการครอบงำของภาครัฐ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่วากรณีใดทั้งต่อคน/ กลุ่มบุคคลใด. ทั้งนี้ เพื่อแสดงถึงความจริงใจต่อประชา ชน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จร ิง.
วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555
We Can Change It.
สหพันธรัฐรัสเซีย
หรือสหภาพโซเวีตในอดีตที่ปกครองโดยระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิตส์ ปัจจุบันปกครองแบบสหพันธ์สาธารณรัฐกึ่งประธานาธิบดี
เพราะสาธารณรัฐต่างๆ แบ่งแยกออกเป็นประเทศ 15ประเทศ ในปี ค.ศ.1991 จึงเกิดการล่มสลายของสหภาพโซเวีต
(ข้อมูลจากวิกิพิเดีย) จึงกล่าวได้ว่าชนชั้นนำในสหภาพโซเวีตในอดีตและปัจจุบัน มีความตระหนักในความเป็นอยู่ของสามัญชนทุกเชื้อชาติ
ศาสนาอย่างแท้จริง มากว่าความคงอยู่ของชาติที่มีมีความแตกแยกอย่างไร้มนุษยธรรมทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทางตรงคือการขจัดผู้คิดต่างทางการเมือง ทางอ้อมคือการปฏิวัติรัฐประหารการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแล้วกำหนดกฎหมายรัฐธรรมนูญอนุรักษ์นิยม
เพื่อระงับความเจริญงอกงามของสติปัญญาประชาธิปไตย.
พื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลักการปกครองที่สอดคล้องหลักศาสนาอย่างแท้จริง การปกครองแบบเผด็จการ
และสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์หมายความว่าไม่ตระหนักในหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง
ถือได้ว่าเป็นหลักการปกครองที่ขัดแย้งกับหลักศาสนา คือ อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา
เพราะการปกครองแบบเผด็จการ ,สมบูรณาญาสิทธิราชย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์
เป็นการปกครองที่ยึดติดกับความเป็นนิรันดร์ ซึ่งสัจจธรรม นั้น
ไม่มีสิ่งใดจะอยู่อย่างนิจนิรันดร์ จึงถือได้ว่าเป็นระบบการปกครองที่โกหก หลอกลวง
บิดเบือนหลักของศาสนาอย่างแท้จริง ซึ่งตรงข้ามกับหลักการปกครองของระบอบประชาธิปไตย
ที่สอดคล้องกับหลักของศาสนาที่ว่า "อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา"
แต่เพราะว่าคน/กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ยังยึดติดในกิเลส ยึดติดในตำแหน่ง
ยศฐาบรรดาศักดิ์ มากว่ายึดติดในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
จึงทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองแบบน้ำเน่าซ้ำซากอย่างน่าละอายต่อหลักคำสอนศาสนาและหลักการของระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
แต่คิดว่าปัญหาทางการเมืองของประเทศจะผ่านพ้นไปได้แน่นอน
ถ้าทุกคนหันมายึดถือหลักคำสอนศาสนาและหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อย่างไม่บิดเบือน.
ที่มากไปกว่านั้น
ที่จะทำให้ปัญทางการเมืองของชาติผ่านพ้นไปได้
ต้องเกิดจากกลุ่มคนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ต้องยึดหลักของศาสนาอย่างแท้จริง
ไม่ยึดติดความเป็นนิรันดร์อย่างผิดธรรมชาติ ,ต้องปราบปรามกลุ่มค้ายาเสพติด,กลุ่มอาชญากรรมอย่างตรงไปตรงมา
ไม่ยึดติดความคิดต่างทางการเมืองในการบังคับใช้กฎหมายแก่ผู้กระทำความผิด ในกลุ่มประชาธิปไตยนิยม ต้องมีความตระหนักในการที่จะสร้างเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพให้สามัญของชาติอย่างแท้จริง
ไม่ใช่ตระหนักที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ตนเองและวงศ์ตระกูลเป็นที่ตั้ง
มากว่าการสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาติไทยเจริญรุ่งเรืองเป็นที่ตั้ง
ซึ่งต้องเริ่มจากความตระหนักในการลด ละเลิกการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ต้องตระหนักที่จะก่อประโยชน์ให้เกิดเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพอย่างไรให้กับประเทศชาติโดยส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง
เพราะถ้าตระหนักในเงินเป็นที่ตั้ง
มากกว่าตระหนักในการสร้างเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ
การซื้อสิทธิ์ขายเสียง การทุจริตคอร์รัปชั่น การค้ายาเสพติด ก็คงไม่ลด ละ เลิก .
“เงินต้องไม่ได้มาเพราะการขายสิทธิ์ แต่เงินต้องได้มาหลังการไปใช้สิทธิ์ คือต้องใช้สิทธิ์ สร้างเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพ เพื่อใช้สิทธิ์
สร้างสิทธิ์ สร้างโอกาสทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
เพื่อความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเอง สังคมและประเทศชาติ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ”
วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555
ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ระบอบทุจริตคอร์รัปชั่น
มติชนสุดสัปดาห์ 31สค-6กย 2555บทความพิเศษ อาทร ฟุ้งธรรมสาร แปล เคล็ดลับการครองอำนาจ
อวี๋เหวินไท้ (ค.ศ.507-556)
เป็นบุคคลหนึ่งที่มีส่วนช่วงวางรากฐานของราชวงศ์โจวเหนือ
ตอนที่ท่านดำรงตำแหน่งมหาอุปราชอยู่นั้น ท่านได้เลียนแบบโจโฉในสมัยสามก๊ก
คือ "อ้างพระบรมราชโองการในการสยบเหล่าขุนศึก"
ตอนนั้นเองท่านได้มีโอกาสพบกับซูชั่วที่มีชื่อเสียงเรียงนามด้านสติปัญญาพอๆ
กับขงเบ้ง
จึงได้ไต่ถามถึงวิธีการหรือเคล็ดลับในการบริหารเหล่าขุนนางทั้งหลาย
อวี๋เหวินไท้ : เราอยากทราบวิธีการบริหารเหล่าขุนนาง
ซูชั่ว : ใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ปราบขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง
อวี๋เหวินไท้ : ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ทำไมต้องใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง
ซูชั่ว : ท่านอยากให้คนอื่นอุทิศตนเพื่อท่าน
ท่านก็ต้องให้เขาเหล่านั้นได้รับผลประโยชน์
แต่ท่านมิอาจให้เงินทองพวกเขามากมายถึงขนาดนั้นได้
ท่านก็มอบอำนาจให้พวกเขาแทน ให้พวกเขาใช้อำนาจในมือไปรีดไถประชาชาชน
ซึ่งพวกเขาก็จะได้รับประโยชน์มหาศาล
อวี๋เหวินไท้ : ให้ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงได้รับประโยชน์ จะมีประโยชน์อันใดต่อข้าพเจ้าเล่า
ซูชั่ว : พวกเขาได้รับประโยชน์ ก็ด้วยอานิสงส์ของอำนาจที่ท่านมอบให้พวกเขา
เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของพวกเขาต่อไป
พวกเขาก็จะช่วยรักษาอำนาจการปกครองของท่านเอาไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้น
อำนาจของท่านก็จะไม่หลุดมือไป การบริหารประเทศก็จะมีความมั่นคง
พอได้ยินเช่นนั้น อวี๋เหวินไท้ถึงบางอ้อทันที และถามต่อว่า :
ในเมื่อใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ประโยชน์ถึงปานนั้นแล้ว
เหตุใดต้องไปปราบปรามพวกเขาอีกล่ะ
ซูชั่ว :
ตรงนี่แหละที่เป็นความมหัศจรรย์ของเรื่อง
เพราะปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎรบังหลวงนั้น สามารถตบตา หลอกลวงประชาชนได้
ทำเช่นนั้นแล้ว อำนาจการปกครองถึงจะมีความมั่นคง
อวี๋เหวินไท้ : ท่านได้โปรดรีบไขความมหัศจรรย์นั้นเป็นการเพิ่มสติปัญญาให้แก่ข้าพเจ้าเถิด
ซูชั่ว : การปราบปรามเช่นนั้นจะได้ประโยชน์สองประการ
ประการแรก อันว่าขุนนางนั้น ไม่ต้องกลัวเขาจะฉ้อราษฎร์บังหลวง
สิ่งที่น่ากลัวคือเขาไม่ยอมฟังท่าน ท่านใช้วิธีการปราบปราม
ขจัดขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง คงไว้แต่ขุนนางที่ฟังท่าน ทำเช่นนี้แล้ว
ก็จะสามารถขจัดคนที่เป็นปรปักษ์กับท่าน ทำให้อำนาจท่านมีความมั่นคง
อีกทั้งทำให้ประชาชนสนับสนุนท่าน
ประการที่สอง
ขุนนางใดที่มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ขุนนางนั้นก็จะมีชะนัฏติดหลัง
เป็นวัวสันหลังหวะ หากเขาคิดคดจะทรยศท่าน
ท่านก็อ้างเหตุผลนี้กำจัดเขาไปเสีย ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง
ล้วนกลัวจะถูกกำจัดทั้งนั้น จึงได้แต่สยบ และฟังท่านโดยดี เพราะฉะนั้น
การปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้นเป็นเครื่องมือวิเศษของท่านในการคุม
ขุนนางให้อยู่หมัด
ถ้าท่านไม่ใช้ขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง
ท่านก็จะสูญเสียเครื่องมือวิเศษนี้ไป
เพราะถ้าหากขุนนางทุกท่านเป็นคนมือสะอาด เป็นที่รักใคร่ของประประชาชน
หากเขาเกิดไม่ยอมฟังท่านขึ้นมา ท่านก็ไม่มีข้ออ้างอันใดไปกำจัดเขาได้
หากท่านดึงดันไปกำจัดโดยขาดข้ออ้าง ประชาชนก็จะไม่พอใจ
จะก่อหวอดทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้
สำหรับขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น หนึ่งท่านต้องใช้มัน สองต้องกำจัดมัน เพื่อให้ขุนนางออกมาเป็นสีเดียวกันหมด คือสนับสนุนท่าน
และแล้วอยู่ๆ ซูชั่วก็ถามขึ้นว่า : หากไปใช้ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง
จนประชาชนเกิดความไม่พอใจขึ้นมาท่านจะทำประการใดดี
ท่านทราบไหมว่าวิธีแก้คืออะไร
อวี๋เหวินไท้ตกใจเป็นกำลัง ถามว่า : ท่านมีแผนวิเศษใดกับปัญหาเช่นนี้ล่ะ
ซูชั่วตอบว่า : ชูธงจะปราบปรามขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง
ประกาศก้องให้ประชาชนทั่วหล้าสนับสนุน เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าท่านรักใคร่
ห่วงใยปวงประชา ให้ประชาชนรู้ว่าท่านเป็นคนดี
ที่ไม่ดีนั้นคือพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง
ท่านผลักความรับผิดชอบไปให้แก่ขุนนางฉ้อโกงเหล่านั้นเสีย
ที่สำคัญที่สุดต้องไม่ให้ประชาชนรู้ว่าท่านถือท้ายพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บัง
หลวงอยู่เบื้องหลัง ท่านต้องให้ประชาชนรู้สึกว่า ท่านทำดีแล้ว
การที่สังคมมีปัญหามากมายเช่นนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะท่าน
แต่เป็นเพราะขุนนางมิได้ปฏิบัติตามนโยบายของท่านต่างหาก
อวี๋เหวินไท้ : หากประชาชนมีความไม่พอใจมากเกินไป ควรจัดการอย่างไรดี
ซูชั่ว : จับและประหารขุนนางผู้นั้นเสีย เป็นการกำจัดเสี้ยนหนามของแผ่นดิน
ริบทรัพย์สมบัติของพวกเขาเป็นตนเอง
เมื่อทำเช่นนี้ก็จะไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้รีดไถรังแกประชาชน
แต่กลับจะเป็นเป็นผู้รับประโยชน์จากการขูดรีดเหล่านั้นโดยไม่มีใครทราบ
ตอนท้าย ซูชั่วได้สรุปเป็นสรณะว่า
ใช้ขุนนางฉ้อโกงเสริมอำนาจตัวเอง
ปล่อยปละละเลยเพื่อสร้างพรรคพวก
กำจัดขุนนางฉ้อโกงคือขจัดฝ่ายปฏิปักษ์
ฆ่าขุนนางฉ้อโกงเพื่อเอาใจประชาชน
ริบทรัพย์ขุนนางฉ้อโกงบำรุงท้องพระคลัง
นี่แหละมรรควิถีครองอำนาจชั่วนิรันดร์
*********************************************************************************
มุมมองสีเลือดเดียว
เหตุผลหนึ่งของการปฏิวัติและรัฐประหารในจีน
ในการล้มราชวงศ์ชิงระหว่างการปฏิวัติซินไฮ่
ก็เกิดจากการชิงความเป็นใหญ่ชั่วนิรันดร์
โดยการใช้ยุทธศาสตร์ให้พวกฉ้อราษฎร์บังหลวง ปราบปรามพวกฉ้อราษฎร์บังหลวง
หรือปล่อยปะละเลยให้พวกเหล่านั้นหาประโยชน์ใส่ตนในทางที่มิชอบ
หรือเรียกกว่ายุทธศาสตร์ปลุกผีสู้ปีศาล และยุทธศาสตร์ปล่อยปีศาลดูดเลือด
สุดท้ายเกิดการปฏิวัติชิง และดร.ซุนยัดเซ็น ได้
ลัทธิไตรราษฎร์คือ1หลักประชาชาติ.2หลักประชาสิทธิ.และ 3 หลักประชาชีพ
แต่ยังมีคน/กลุ่มคนที่บิดเบือนระบอบประชาธิปไตย ที่ดร.ซุนยัดเซ็น วางไว้
โดย พยายามใช้ยุทธศาสตร์ครองอำนาจชั่วนิรันดร์
โดยปราศจากความเป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง คือไม่เคารพกฏ กติกา
มารยาทและรัฐธรรมนูญของชาติอย่างแท้จริง
ยึดการที่จะอยู่ในอำนาจชั่วนิรันดร์โดยการเอาใจพวกอธรรม
มีการใช้ยุทธศาสตร์ผีดูดเลือดปีศาล และปีศาลดูดเลือดคน
ดังนั้นจึงเกิดการปฏิวัติรอบสองโดย พรรคคอมมิวนิตส์ของเหมาเจ๋อตุง.
ในประเทศไทย เช่น
ปัญหาการทำลายมนุษยชาติทั้งทางตรงและทางอ้อมในทางการเมือง,ปัญหาทุจริต
คอร์รัปชั่น,ปัญหายาเสพติด,ปัญหาการว่างงาน ฯลฯ
เป็นปัญหาที่เกิดมาพร้อมกับความเป็นประเทศก็ว่าได้ แต่มันจะเพิ่ม
จะลดละเลิกจากสังคมของชาติไปมากน้อยเพียงใด
ต้องขึ้นอยู่กับการไม่เห็นประโยชน์ใดๆเลยของคน/กลุ่มคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับการก่อปัญหาเหล่านี้ให้เกิดขึ้นในประเทศชาติ
หมายความว่าต้องไม่ใช้ยุทธศาสตร์ผีดูดเลือดปีศาลและปีศาลดูดเลือดสังคมชาติ
เพื่อที่จะครองอำนาจชั่วนิรันดร์ หรือได้เป็นรัฐบาลปกครองประเทศชาติ
อย่าเห็นคะแนนเสียงของคน/กลุ่มคนเหล่าอย่างนั้นมีความสำคัญในการสร้างระบอบ
ประชาธิปไตย ถึงแม้คน/กลุ่มคนพวกนั้นจะมีสิทธิ์ในฐานะประชาชนคนไทย
แต่ประชาธิปไตยไม่ใช่การใช้สิทธิ์ก่อปัญหาเหล่านี้ให้ประเทศชาติเสียหาย
จึงจะเป็นการสร้างอำนาจให้รัฐบาลประชาธิปไตยด้วยระบอบประชาธิปไตย
ได้อยู่ในอำนาจระบอบประชาธิปไตยโดยระบอบประชาธิปไตยชั่วนิรันดร์ทุกรัฐบาล
อย่างแท้จริง และปัญหาเหล่านี้ของชาติก็จะลดลงอย่างหน้าใสใจชื่น
ไม่ใช่ลดลงอย่างหน้าใสใจหดหู่ คือลดไม่จริง นั้นเอง.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)