วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ประชาธิปไตยไทย สู่เวทีโลก


เนื้อหาส่วนหนึ่ง ของ ศปช.
“นายอัมสเตอร์ดัมยังคงยืนยันตามคำ ปราศรัยของเขาและมุ่งมั่นทำงานเพื่อนำตัวผู้นำระดับสูง (..........................) มาลงโทษในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่ก่อขึ้นในระหว่างการปรามปรามการ ชุมนุมของคนเสื้อแดงในเดือนเมษายนและพฤษภาคมปี 2553 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่นอนในครั้งนี้คือ  คนที่สังหารพลเรือนเพื่อปกป้องอำนาจและอภิสิทธิ์ของตนจะไม่สามารถรอดพ้นจาก การรับผิดในการกระทำของพวกเขาอย่างแน่นอน

 เราจะไม่มีวันยอมรับความพยายามใดๆ ที่จะให้ผู้ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ผู้ที่สูญเสีย ลืม เงียบเฉยและยอมจำนน ต่อความอยุติธรรม เราไม่มีวันยอมรับการเปลี่ยนการก่ออาชญากรรมต่อประชาชนให้เป็นสิ่งถูกกฎหมาย..เราจะไม่มีวันยอมรับวัฒนธรรมการเมืองที่ช่วยโอบอุ้มประเพณีของการปล่อยให้ผู้กระทำผิดที่มีอำนาจลอยนวล" ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ หนึ่งในทีม ศปช. 
*********
มุมมองของสีเลือดเดียว  ในแง่ของการที่จะสร้างหลักถ่วงดุลในสังคมของประเทศ  ละเลิกการใช้วิธีเผด็จการทำลายระบอบประชาธิปไตยของชาติ  และไปจำกัดเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรของสามัญชนของชาติ  โดยบิดเบือนวิธีการ ของคำว่า  เพื่อชาติ ศาสนา และปกป้องสถาบัน
                จากเหตุการณ์ทางการเมือง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ฝ่ายที่กล่าวอ้างว่า เพื่อชาติ  ศาสนา และปกป้องสถาบันตามรัฐธรรมนูญ  มักใช้วิธีแบบเผด็จการทำลายระบอบประชาธิปไตยของชาติ  และไปจำกัดเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรของสามัญชนของชาติ  โดยบิดเบือนวิธีการที่จะธำรงรักษา พัฒนา 3สถาบันอย่างแท้จริง  เห็นชัดเจนจากเหตุการณ์ช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516 ,2519, พฤษภาคม 2535 และช่วงเดือนเมษายน –พฤษภาคม 2553  มีนักศึกษา ประชาชน  บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จากการเข้าไปสลายการชุมนุมด้วยวิธีแบบเผด็จการ โดยใช้อาวุธสงคราม  จากการกระทำดังกล่าว ผู้กระทำได้รับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข  ลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่กรรมของผู้บาดเจ็บและล้มตาย ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม  หรือเป็นบุญวาสนาของผู้กระทำแต่อย่างใดเลย  แต่เป็นเพราะผู้สั่งให้ทำและผู้กระทำมีความเชื่อในการธำรงรักษา พัฒนาชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่บิดเบือน และหลงผิดตามกิเลสอธรรม โดยไม่คำนึงถึงคำว่า อนิจจัง(ไม่เที่ยง) ทุกข์ขัง (เป็นทุกข์) อนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน)   ถ้าคำนึงถึงหลักการดังกล่าว  การธำรงรักษา พัฒนาชาติ ศาสนา และปกป้องสถาบันตามรัฐธรรมนูญ  คงไม่มีการทำลายระบอบประชาธิปไตย หรือการจำกัดเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดร โดยวิธีเผด็จการทั้งทางตรงและทางอ้อม.
ดังนั้น   การธำรงรักษาชาติ ศาสนา และสถาบันที่แท้จริง คือการให้เสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ โดยการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งต้องคำนึงถึงหลักของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย  .
เจตนารมย์ของ ศปช.เป็นวิธีการขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในสังคมประเทศ  โดยต่อสู้ทางกฎหมาย และหลักมนุษยธรรม ทั้งของไทย และจำเป็นต้องอาศัยหลักสากลประเทศด้วย เพราะบางประเทศออกกฎหมายมาเพื่อละเมิดระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ออกกฎหมายเพื่อเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย  การดำเนินการของ ศปช.จึงเป็นไปด้วยความชอบธรรมที่จะเรียกร้องต่อศาลไทย และศาลโลก  เพื่อต่อไป สามัญชนของชาติจะได้ไม่โดนทำร้ายอย่างไร้มนุษยธรรมอีกต่อไปทั้งในปัจจุบันและอนาคต   ผู้กระทำต่อระบอบประชาธิปไตยก็จะไม่เป็นองคุลีมารที่ฆ่าสามัญชน เพื่อ3 สถาบันของประเทศ หรือ องคุลีมารที่คอยทำลายระบอบประชาธิปไตยทั้งทางตรงและทางอ้อมของประเทศอีกต่อไปตราบนานเท่านาน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น