ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เงียบหายไปเกือบ 2 ปี วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารของหนังสือพิมพ์ บางกอก โพสต์ เจ้าของหนังสือซี่รี่ส์ชุด “ลับลวงพราง” ได้เตรียมเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่กับสำนักพิมพ์มติชน “ลับลวงพราง ภาค5” ศึกชิงอำนาจ ผ่าแผนสงครามปฏิวัติ” ซึ่งจะมีการเปิดตัวที่บูธสำนักพิมพ์มติชน โซนพลาซ่า ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติระหว่างวันที่ 29 มี.ค.-8 เม.ย. นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์
ทั้งนี้หนังสือลับลวงพรางภาค 5 จะแบ่งออกเป็น 4 บท มีความความหนา 495 หน้า พร้อมด้วยการวิเคราะห์ความเป็นมาเป็นไปและเบื้องหลังการเมืองที่เกี่ยวกับกองทัพ มีเนื้อหาโดยย่อดังนี้
บทที่ 1 สงครามเลือกตั้ง สงครามตัวแทน ที่ชี้ให้เห็นเบื้องหลังว่า ทำไม กองทัพกับพรรคประชาธิปัตย์จึงแพ้การเลือกตั้ง ทั้งปรากฏการณ์ทหารแตงโม,ไม่กลัวนาย แต่กลัวเมีย และพลาดเพราะ “เนวิน”
บทที่ 2 สงครามกองทัพ ที่จะเจาะการเมืองภายในของแต่ละเหล่าทัพ และคำตอบจาก ผบ.สส. ผบ.ทบ.ผบ.ทร.และผบ.ทอ. ในประเด็นฮอทต่างๆ ที่จะทำให้เข้าใจความเป็นไปในกองทัพมากขึ้น ทั้งเรื่องหนักๆและเบาๆ
บทที่ 3 มหาสงครามปฏิวัติ เปิดเผยแผนการต้านปฏิวัติของ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และนายทหาร ตท.10 โดย ตอนหนึ่งระบุว่า ตท.10 เป็นรหัสพินาศ ที่แม้จะเคยเป็นผู้แพ้ แต่ก็กลับมาเป็นผู้ชนะ แต่ก็อาจกลับไปเป็นผู้พ่ายแพ้อีกครั้ง รวมทั้งเปิดตัวแกนนำตท.10 คนสำคัญที่เป็นขุนพลข้างกาย พ.ต.ท.ทักษิณ
บทที่ 4 สงครามป้องราชบัลลังก์ ที่เน้นบทบาทของ ผบ.สส.และ ผบ.ทบ. และกองทัพ ในการปกป้องสถาบัน ท่ามกลางการเมืองและกระแสล้มล้างสถาบันอันเชี่ยวกราก
เนื้อหาตอนหนึ่งในหนังสือระบุว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยอยู่ฝั่ง คมช.ไปร่วมวางแผนกัน 7 คนที่บ้าน ปีย์ มาลากุลฯ ย่านสุขุมวิท เพื่อวางแผนปฏิวัติ 19 กย.2549 เปิดเผยว่า มีความพยายามจากกลุ่มเดิม ในการที่จะปฏิวัติรัฐประหารล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็น คมช.ภาค2
"ก็เป็นพวกกลุ่มเดิม นั่นแหละ ที่ผมเคยไปร่วมประชุมวางแผนปฏิวัติ ตอน คมช.นั่นแหล่ะ พวกนี้เขายังไม่ยอมหยุด จะพยายามล้มรัฐบาลด้วยวิธีการเดิมๆในอดีต แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็ต้องให้ทหารปฏิวัติ"พล.อ.พัลลภ เตือน
"พวกนั้นเขายังอยู่กันครบนะแต่ละคน รอจ้องอยู่ทั้งนั้น อาจจะมี คมช.อีกครั้ง เพราะทีมงานที่เคลื่อนไหววางแผนกันอยู่ก็พวกเดิมๆทั้งนั้น แต่ถ้าจะกล้าปฏิวัติหรือเปล่า ก็ลองดู" พล.อ.พัลลภ กล่าว
ในเล่มนี้ ยังมีการเปิดเผยแผนการต้านปฏิวัติของ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และ ตท.10 อย่างละเอียด ที่จะมีการใช้กำลัง 3ส่วนคือ คนเสื้อแดง ตำรวจ และทหารแตงโม ในส่วนของคนเสื้อแดงมีการฝึกการต้านปฏิวัติ การต่อสู้กับรถถัง การใช้วินมอเตอร์ไซค์ต้านปฏิวัติ โดยที่ กอ.รมน.กำลังจับตาหมู่บ้านคนเสื้อแดง ในอิสานและเหนือ ว่ามีการปลูกฝังอุดมการณ์การเมืองและการฝึกใช้อาวุธหรือไม่
ฝ่ายทหารที่เป็นสายเสื้อแดงยังมีการตั้งวอร์รูม เพื่อไว้ต่อต้านการปฏิวัติในจุดต่างๆ เพื่อไว้ใช้เป็นเซฟท์เฮ้าส์และที่รวมตัวหากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ทั้งที่ สนามบินดอนเมือง ทุ่งสีกัน กลาโหม เมืองทองธานี และที่สนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งบทบาทของ นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ พล.ท.ฮุนมาเน็ต บุตรชายในการช่วยต้านปฏิวัติ
ในขณะเดียวกัน เนื้อหาในหนังสือยังเปิดเผย วอร์รูมลับ ใน ร.1รอ. ซึ่งเป็นบ้านหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สร้างใกล้เสร็จแล้ว โดยถูกจับตามองว่า มีการสร้างห้องประชุมที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการสื่อสาร สามารถเป็นที่ประชุมสั่งการได้ตลอด 24ชม.
นอกจากนี้ยังระบุถึงคำสัมภาษณ์ของ อ.วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรคมช.แห่งเชียงใหม่ ซึ่งเคยร่วมชี้แนะเรื่องการปฏิวัติ 19กย.2549 ให้ พล.อ.สนธิ บุญยะรัตกลิน ผบ.ทบ.มาแล้ว
โดยโหรคมช.กล่าวตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. จะเป็นนายทหารกู้ชาติ เนื่องจาก ในชาติปางก่อน พล.อ.ประยุทธ์ เกิดเป็นหนึ่งในทหารเอก ของ พระองค์ดำ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ ซึ่งสอดคล้องกับ ความเชื่อส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เองที่นับถือ สมเด็จพระนเรศวรฯอย่างมาก
"พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นความหวังของคนไทย ในการที่จะนำพาชาติรอด และจะเป็นนายทหารที่กู้ชาติ" อาจารย์ วารินทร์ กล่าว
"อย่าให้พูดชัดๆแบบนั้นเลย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้นำกู้ชาติ และเป็นคนที่รักษาชาติ และรักษาราชบัลลังก์ แน่นอน” อาจารย์ วารินทร์ กล่าว โดยเลี่ยงที่จะบอกว่า เห็นภาพการปฏิวัติหรือไม่ แต่ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องทำหน้าที่ในการช่วยเหลือรัฐบาล ช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีหญิง ไปก่อน
"แล้วผมจะบอก เมื่อใกล้ถึงวันนั้น" อาจารย์ วารินทร์ระบุ
สำหรับ ลับลวงพราง ภาค 5 นี้ ยังมีการเปิดเผย เบื้องหลังการหลุดเก้าอี้ รมว.กลาโหม ของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ด้วย
ที่สำคัญคือการเปิดเผยแผนการกลับประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้พยายาม"เคลียร์"ในหลายทิศทาง รวมทั้งกับทางกองทัพ ทั้งด้วยตัวเองและผ่านตัวแทน โดยยืนยันว่า จะไม่แก้แค้นแต่จะปรองดองและอยู่กันแบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้มีการระบุด้วยว่า นายทหาร ตท.10 เพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมแผนการกลับประเทศ ด้วยการให้บินลงที่สนามบินเชียงใหม่ บ้านเกิด อันถือเป็นการกลับบ้านเกิด ไม่ลงที่สุวรรณภูมิ ด้วย 2 เหตุผล คือ 1.เพื่อแก้เคล็ด จากการกลับประเทศครั้งก่อนเมื่อปี 2551 มาจูบแผ่นดิน หรือแผ่นซีเมนต์ที่สุวรรณภูมิ แต่ก็ต้องหนีออกนอกประเทศอีกครั้ง จึงจะลงที่เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการกลับบ้านเกิดจริง
ข้อ2 เป็นเรื่องความปลอดภัย เนื่องจาก กลัวจะถูกลอบสังหาร เพราะที่สุวรรณภูมิดูแลยาก แต่ที่สนามบินเชียงใหม่ เป็นพื้นที่เสื้อแดง จึงมีแผนใช้คนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับ เป็นเกราะในการป้องกัน พ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนในเรื่องสงครามป้องราชบัลลังก์ นั้น วาสนาได้เขียนถึงบทบาทของ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส.กับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในการเป็น ขุนศึกค้ำราชบัลลังก์ ในฐานะที่เป็นนายทหารสายวัง ที่ถูกวางตัวมาเป็นผู้นำกองทัพพร้อมกัน เพื่อพร้อมรับสถานการณ์วิกฤตทางการเมือง
จากข่าว
ทั้งนี้หนังสือลับลวงพรางภาค 5 จะแบ่งออกเป็น 4 บท มีความความหนา 495 หน้า พร้อมด้วยการวิเคราะห์ความเป็นมาเป็นไปและเบื้องหลังการเมืองที่เกี่ยวกับกองทัพ มีเนื้อหาโดยย่อดังนี้
บทที่ 1 สงครามเลือกตั้ง สงครามตัวแทน ที่ชี้ให้เห็นเบื้องหลังว่า ทำไม กองทัพกับพรรคประชาธิปัตย์จึงแพ้การเลือกตั้ง ทั้งปรากฏการณ์ทหารแตงโม,ไม่กลัวนาย แต่กลัวเมีย และพลาดเพราะ “เนวิน”
บทที่ 2 สงครามกองทัพ ที่จะเจาะการเมืองภายในของแต่ละเหล่าทัพ และคำตอบจาก ผบ.สส. ผบ.ทบ.ผบ.ทร.และผบ.ทอ. ในประเด็นฮอทต่างๆ ที่จะทำให้เข้าใจความเป็นไปในกองทัพมากขึ้น ทั้งเรื่องหนักๆและเบาๆ
บทที่ 3 มหาสงครามปฏิวัติ เปิดเผยแผนการต้านปฏิวัติของ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และนายทหาร ตท.10 โดย ตอนหนึ่งระบุว่า ตท.10 เป็นรหัสพินาศ ที่แม้จะเคยเป็นผู้แพ้ แต่ก็กลับมาเป็นผู้ชนะ แต่ก็อาจกลับไปเป็นผู้พ่ายแพ้อีกครั้ง รวมทั้งเปิดตัวแกนนำตท.10 คนสำคัญที่เป็นขุนพลข้างกาย พ.ต.ท.ทักษิณ
บทที่ 4 สงครามป้องราชบัลลังก์ ที่เน้นบทบาทของ ผบ.สส.และ ผบ.ทบ. และกองทัพ ในการปกป้องสถาบัน ท่ามกลางการเมืองและกระแสล้มล้างสถาบันอันเชี่ยวกราก
เนื้อหาตอนหนึ่งในหนังสือระบุว่า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยอยู่ฝั่ง คมช.ไปร่วมวางแผนกัน 7 คนที่บ้าน ปีย์ มาลากุลฯ ย่านสุขุมวิท เพื่อวางแผนปฏิวัติ 19 กย.2549 เปิดเผยว่า มีความพยายามจากกลุ่มเดิม ในการที่จะปฏิวัติรัฐประหารล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็น คมช.ภาค2
"ก็เป็นพวกกลุ่มเดิม นั่นแหละ ที่ผมเคยไปร่วมประชุมวางแผนปฏิวัติ ตอน คมช.นั่นแหล่ะ พวกนี้เขายังไม่ยอมหยุด จะพยายามล้มรัฐบาลด้วยวิธีการเดิมๆในอดีต แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็ต้องให้ทหารปฏิวัติ"พล.อ.พัลลภ เตือน
"พวกนั้นเขายังอยู่กันครบนะแต่ละคน รอจ้องอยู่ทั้งนั้น อาจจะมี คมช.อีกครั้ง เพราะทีมงานที่เคลื่อนไหววางแผนกันอยู่ก็พวกเดิมๆทั้งนั้น แต่ถ้าจะกล้าปฏิวัติหรือเปล่า ก็ลองดู" พล.อ.พัลลภ กล่าว
ในเล่มนี้ ยังมีการเปิดเผยแผนการต้านปฏิวัติของ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ และ ตท.10 อย่างละเอียด ที่จะมีการใช้กำลัง 3ส่วนคือ คนเสื้อแดง ตำรวจ และทหารแตงโม ในส่วนของคนเสื้อแดงมีการฝึกการต้านปฏิวัติ การต่อสู้กับรถถัง การใช้วินมอเตอร์ไซค์ต้านปฏิวัติ โดยที่ กอ.รมน.กำลังจับตาหมู่บ้านคนเสื้อแดง ในอิสานและเหนือ ว่ามีการปลูกฝังอุดมการณ์การเมืองและการฝึกใช้อาวุธหรือไม่
ฝ่ายทหารที่เป็นสายเสื้อแดงยังมีการตั้งวอร์รูม เพื่อไว้ต่อต้านการปฏิวัติในจุดต่างๆ เพื่อไว้ใช้เป็นเซฟท์เฮ้าส์และที่รวมตัวหากมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ทั้งที่ สนามบินดอนเมือง ทุ่งสีกัน กลาโหม เมืองทองธานี และที่สนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งบทบาทของ นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ พล.ท.ฮุนมาเน็ต บุตรชายในการช่วยต้านปฏิวัติ
ในขณะเดียวกัน เนื้อหาในหนังสือยังเปิดเผย วอร์รูมลับ ใน ร.1รอ. ซึ่งเป็นบ้านหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สร้างใกล้เสร็จแล้ว โดยถูกจับตามองว่า มีการสร้างห้องประชุมที่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยในการสื่อสาร สามารถเป็นที่ประชุมสั่งการได้ตลอด 24ชม.
นอกจากนี้ยังระบุถึงคำสัมภาษณ์ของ อ.วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรคมช.แห่งเชียงใหม่ ซึ่งเคยร่วมชี้แนะเรื่องการปฏิวัติ 19กย.2549 ให้ พล.อ.สนธิ บุญยะรัตกลิน ผบ.ทบ.มาแล้ว
โดยโหรคมช.กล่าวตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. จะเป็นนายทหารกู้ชาติ เนื่องจาก ในชาติปางก่อน พล.อ.ประยุทธ์ เกิดเป็นหนึ่งในทหารเอก ของ พระองค์ดำ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ ซึ่งสอดคล้องกับ ความเชื่อส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เองที่นับถือ สมเด็จพระนเรศวรฯอย่างมาก
"พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นความหวังของคนไทย ในการที่จะนำพาชาติรอด และจะเป็นนายทหารที่กู้ชาติ" อาจารย์ วารินทร์ กล่าว
"อย่าให้พูดชัดๆแบบนั้นเลย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้นำกู้ชาติ และเป็นคนที่รักษาชาติ และรักษาราชบัลลังก์ แน่นอน” อาจารย์ วารินทร์ กล่าว โดยเลี่ยงที่จะบอกว่า เห็นภาพการปฏิวัติหรือไม่ แต่ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องทำหน้าที่ในการช่วยเหลือรัฐบาล ช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีหญิง ไปก่อน
"แล้วผมจะบอก เมื่อใกล้ถึงวันนั้น" อาจารย์ วารินทร์ระบุ
สำหรับ ลับลวงพราง ภาค 5 นี้ ยังมีการเปิดเผย เบื้องหลังการหลุดเก้าอี้ รมว.กลาโหม ของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ด้วย
ที่สำคัญคือการเปิดเผยแผนการกลับประเทศของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณได้พยายาม"เคลียร์"ในหลายทิศทาง รวมทั้งกับทางกองทัพ ทั้งด้วยตัวเองและผ่านตัวแทน โดยยืนยันว่า จะไม่แก้แค้นแต่จะปรองดองและอยู่กันแบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้มีการระบุด้วยว่า นายทหาร ตท.10 เพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมแผนการกลับประเทศ ด้วยการให้บินลงที่สนามบินเชียงใหม่ บ้านเกิด อันถือเป็นการกลับบ้านเกิด ไม่ลงที่สุวรรณภูมิ ด้วย 2 เหตุผล คือ 1.เพื่อแก้เคล็ด จากการกลับประเทศครั้งก่อนเมื่อปี 2551 มาจูบแผ่นดิน หรือแผ่นซีเมนต์ที่สุวรรณภูมิ แต่ก็ต้องหนีออกนอกประเทศอีกครั้ง จึงจะลงที่เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการกลับบ้านเกิดจริง
ข้อ2 เป็นเรื่องความปลอดภัย เนื่องจาก กลัวจะถูกลอบสังหาร เพราะที่สุวรรณภูมิดูแลยาก แต่ที่สนามบินเชียงใหม่ เป็นพื้นที่เสื้อแดง จึงมีแผนใช้คนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับ เป็นเกราะในการป้องกัน พ.ต.ท.ทักษิณ
ส่วนในเรื่องสงครามป้องราชบัลลังก์ นั้น วาสนาได้เขียนถึงบทบาทของ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส.กับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในการเป็น ขุนศึกค้ำราชบัลลังก์ ในฐานะที่เป็นนายทหารสายวัง ที่ถูกวางตัวมาเป็นผู้นำกองทัพพร้อมกัน เพื่อพร้อมรับสถานการณ์วิกฤตทางการเมือง
จากข่าว
ผู้ที่จะแก้ไขปัญหาทางการเมืองของประเทศชาติ ไม่ใช่ทหาร กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่ใช้การปฏิวัติ รัฐประหาร เพราะนั้นหมายถึงการเมืองไทยถึงจุดแตกหักและมีแต่สร้างฐานให้ประชาธิปไตยของไทยแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งเกิดตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 , 6ตุลาคม 2519 พฤษภาทมิฬ และ 19 กันยายน 2549 ซึ่งผลจากการปฏิวัติ รัฐประหารทั้งหมด ไม่ได้สร้างความเจริญ และความมั่นคงในประเทศชาติที่แท้จริง เพราะไม่คำนึงถึงความต้องการและการมีส่วนร่วมในการเมืองการปกครองของประชาชน มีแต่ทำลายความน่าเชื่อถือของกลุ่มตนเอง ซึ่งปัจจุบันจะเห็นแล้วว่า ประชาชนส่วนมากเป็นมนุษย์ที่แท้จริงมากขึ้น โดยเฉพาะการกล้าแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น ตามสิทธิ เสรีภาพของมนุษย์ที่จะมีได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นระบบถ่วงดุลของประเทศชาติที่แท้จริง ตามระบอบประชาธิปไตย หากมีการปฏิวัติ รัฐประหาร ด้วยการยกเหตุผลโฆษณาชวนเชื่ออีกครั้งหนึ่ง ผู้ที่ทำลายประชาชน และประเทศชาติ คงไม่ใช่ใคร นอกจากผู้มีอาวุธทางทหาร เมื่อถึงเวลานั้นประชาชนต้องต่อต้านอย่างถึงที่สุด และนานาชาติคงไม่ยินดีกับฝ่ายเผด็จการเป็นแน่ ในสมัยโบราณโหรเป็นผู้พิพากษาให้คนตาย คนเป็นได้ โดยไร้การพิสูนจ์หาความจริง คืองมงายจนฆ่าคน หรือยึดติดจนขาดเหตุผล นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ทำให้ได้มาซึ่งตำแหน่งทางการเมือง แต่ต้องทำให้ประเทศชาติมีระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งและสร้างผลประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง
โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ในระยะสั้นผู้มีอาวุธจะกุมอำนจได้ในระยสั้นๆ แต่ในระยะยาวนั้นประชาธิปไตยจะเป็นตัวบ่งชี้ความเจริญของประเทศชาติอย่างยั่งยืน กลุ่มบุคคลที่เป็นราชการใส่เครื่องแบบราชการหรือไม่ใส่เครื่องแบบ ทำร้ายประชาชนที่มีความคิดต่างทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นผู้กบฏต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริงอย่างในเหตุการณ์14 ตุลาฯ 2516 ,6ตุลาฯ 2519 ,พฤษภาทมิฬ และ พฤษภาคม 2553 เพราะความมั่นคงของประเทศชาติไม่ใช่การออกมายิง ทำร้ายประชาชนให้ตาย ให้บาดเจ็บหรือให้กลัว การรักษาความมั่นคงคือการสร้างความเข้าใจ โดยปราศจากการขู่เข็ญ การใช้กำลัง ประชาชนและนานาชาติไม่ยินดีกับประเทศประชาธิปไตยฯ ที่การกระทำเป็นเผด็จการ หรือเยี่ยงอย่างคอมมิวนิตส์สมัยเก่าๆที่คอยโฆษณาชวนเชื่อ และปิดหูปิด ปิดปากอย่างที่แล้วๆมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น