โดย...ชน
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
ในความเป็นมาตรฐานของรัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่ตามสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่ต้องใช้อำนาจอธิปไตย
ของตนเอง 1 คน 1 เสียง ในการแสดงความเห็นชอบ
หรือไม่เห็นชอบ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ที่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล จึงจะได้ชื่อว่า
“ รัฐธรรมนูญประชาธิปไตย ” เพราะเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย
คือ การมีสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ ทั้งทางเศรษฐกิจ
สังคมและการเมือง แต่รัฐธรรมนูญ
ที่ได้มาโดยการรัฐประหาร เป็นรัฐธรรมนูญ ที่ได้ชื่อว่า “ รัฐธรรมนูญเผด็จการ
หรือรัฐธรรมนูญคลุมถุงชน ” ซึ่งเจตนารมณ์ นั้น แน่นอนการมีสิทธิเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และโดยเฉพาะทางการเมือง
ต้องอยู่ในวงจำกัด นี้เป็นลักษณะขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งของรัฐธรรมนูญ
ที่บ่งบอกได้ว่ารัฐรรมนูญฉบับใดเป็นประชาธิปไตย ฉบับใดเป็นเผด็จการ หรือ คลุมถุงชน รัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ลักษณะนี้
นอกจากมีที่มาแตกต่างกันแล้ว แน่นอนด้านเนื้อหา
ก็ย่อมต้องแตกต่างกันไปตามลักษณะเจตนารมณ์ที่เป็นที่มาของรัฐธรรมนูญฉบับนั้นๆ ดั่งเห็นจากรัฐธรรมนูญ
พุทธศักราช 2540 กับ รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550
หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ผลการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด
จึงได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารจัดการประเทศชาติ
สิ่งหนึ่งที่เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล
ที่นอกเหนือจากนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม แล้ว คือ นโยบายด้านการเมืองระบอบประชาธิปไตย โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 และการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง
ที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามนโยบาย ที่ยึดถือรัฐธรรมนูญ ภายใต้เจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย
เป็นสำคัญ
การแสดงความไม่เห็นด้วย
เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย แต่การนำความไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พุทธศักราช 2550 มาตรา 68 วรรคสอง
เป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนในการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ หรือไม่ นั้น ผู้เขียนมองว่า รัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550
มาจากการรัฐประหาร ถือเป็นรัฐธรรมนูญเผด็จการ ที่ผิดไปจากเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย
อย่างสิ้นเชิงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช
2550 จึงเป็นการแก้ไขระบอบเผด็จการ และแก้ไขเจตนารมณ์ของระบอบเผด็จการ
เป็นสำคัญ ถ้าบอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาตรา 68
วรรคสองเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนในการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ ก็คงหมายความได้ว่า จะเป็นการตัดสิทธิ์ในการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญจากรัฐประหาร
เพื่อเป็นการคืนสิทธิ์ในการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญระบอบประชาธิปไตยของประชาชน
โดยประชาชน และเพื่อประชาชน สู่ความเป็นประเทศชาติ ที่ได้ชื่อว่า มีความเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์ที่สุด เจตนารมณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เช่นนี้
ถือเป็นความผิดต่อเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย ด้วยหรือ
ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550 สิ่งสำคัญและจำเป็นไม่ใช่อยู่ที่พรรครัฐบาลเป็นผู้แก้
หรือผู้สร้างดุล และฝ่ายค้านเป็นผู้ต่อต้าน หรือผู้ถ่วงดุล แต่ความสำคัญและจำเป็นอยู่ที่ทั้งการแก้หรือการสร้างดุล
และการต่อต้าน หรือถ่วงดุล ที่จำต้องอาศัยกฎเกณฑ์ต่างๆแห่งจริยธรรมทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นสากล
และเคารพกฎเกณฑ์เหล่านี้ เป็นสิ่งที่อยู่เหนือทุกชาติ ที่ยังคงมีอธิปไตย
ที่จะยังคงความสัมพันธ์กับชาติอื่นๆ จึงจะได้ชื่อว่ามีความตระหนักในสิทธิของประชาชน
ในการพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญระบอบประชาธิปไตย
ที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย และแน่นอนการตระหนักในสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2550 ตามมาตรา 68 วรรคสอง จึงเป็นเพียงวิธีการยับยั้งเจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตย
อย่างพร้อมสรรพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น