ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
โดยคณะราษฎร์ เมื่อ 24 มิถุนายน 2475 ต้องยอมรับความจริง ดังนี้
1.
มนุษย์ส่วนใหญ่มีความต้องการสิทธิเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพ ทั้งทางเศรษฐกิจ
สังคม และการเมือง และเชื่อว่าเมื่อมนุษย์ได้รับโอกาสในสิ่งเหล่านี้อย่างเสมอภาค
ทั่วถึง และมีคุณภาพ ด้วยตนเองและเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำทั้งระบบแล้ว ถือว่ามนุษย์ได้รับการพัฒนาทั้งทางร่างกาย
จิตใจ –อารมณ์ สังคม และสติปัญญา อย่างสมบูรณ์และต่อเนื่องตลอดชีวิต.
ความด้อยโอกาสของคนส่วนใหญ่ ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง จึงเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวง
ทั้งในประเทศและโลก . การคิดค้นหาวิธีการเมืองการปกครอง ที่จะทำให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ
ความเสมอภาค และภราดรภาพ ในทุกด้าน จึงเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคโบราณ จวบจนปัจจุบัน.
2.
กระแสของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของโลก
ส่งผลให้จิตสำนึกที่มีตัวในตัวของมนุษย์
ส่วนใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กลายเป็นพลังบวกในการที่จะทำให้อุดมการณ์เป็นรูปธรรมมากที่สุด
ในที่สุด
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 ต้องยอมรับความจริง ดังนี้
1.
ความคิดต่างทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย
แบบ ราชาธิปไตย โดยมีรัฐสภา เป็นสถาบันนิติ
บัญญัติของประเทศ
ระหว่างกลุ่มอนุรักษ์นิยม และ กลุ่มประชาธิปไตยแนวมาตรฐานโลก
ที่ไม่สามารถผสมผสานความคิดต่างทางการเมืองเข้าด้วยกันได้อย่างแท้จริง
โดยยึดเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อย่างแท้จริงเป็นเป้าหมายของประเทศ
ให้สอดคล้องกับมาตรฐานประชาธิปไตยโลก คือ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ
2.
การปฏิวัติรัฐประหาร/การยกเลิกรัฐธรรมนูญระบอบประชาธิปไตย
เกิดจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม ก่อ
เชื้อไฟและเติมเชื้อไฟ
ทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะการที่คนส่วนน้อยกว่าจะชนะคนส่วนใหญ่กว่าได้อย่างเบ็ดเสร็จและกระทำการทุกอย่างได้ตามอำเภอใจของกลุ่มอนุรักษ์นิยม/กลุ่มเผด็จการ
คือ การใช้วิธี กดขี่ ข่มเหง ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยใช้กำลังทางร่างกาย
อาวุธ และการโฆษณาชวนเชื่อแบบโบราณเป็นสำคัญ ที่รัฐธรรมนูญไม่ได้ให้ความสำคัญ และกำหนดไว้
3.
ประเทศไทยเรา
ได้ชื่อว่าเป็นประเทศกำลังพัฒนา โดยดูจากข้อมูลทางเศรษฐกิจ
สังคม และ
โดยเฉพาะการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
ยังเป็นเพียงภาพลวงตา เป็นการหลอกเด็กและหลอกสามัญชนไปวันๆ ซึ่งเห็นแล้วว่า เมื่อ
14 ต.ค.2516 และ 6 ต.ค.2519 พฤษภาทมิฬ ระหว่างวันที่
17-20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 การชุมนุมของกลุ่มนปช.หลังการรัฐประหาร พ.ศ.2549 ทั้งเด็ก เยาวชนและประชาชน ของระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมรับวิธีการใดๆที่อยู่นอกเหนือรัฐธรรมนูญระบอบประชาธิปไตย.
4.
การปลดแอกให้ประชาชน
ปลดแอกให้ประเทศ จาก ประเทศกำลังพัฒนา ให้
เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสมบูรณ์
ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองไปพร้อมกัน โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพ
ตามระบอบประชาธิปไตย ที่ยังเป็นความมุ่งหวังของคนส่วนใหญ่อย่างไม่มีวันเสื่อมคลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
. ดังนั้น การที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและชนะการเลือกตั้งโดยตรงตามรัฐธรรมนูญ กำลังพัฒนาประเทศ สู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ที่สอดคล้องกับมาตรฐานประชาธิปไตยของโลก.
ในการดำเนินการ
สิ่งที่ถือว่าเป็นเครื่องยืนยันและทำให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ
ความเสอมภาคและภราดรภาพ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย คือ
กฎหมายรัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย
5.
เมื่อประชาธิปไตย
เดินหน้า พัฒนาประเทศทั้งระบบ เพื่อให้ประเทศมีการปกครอง
แบบราชาธิปไตย
ที่สอดคล้องกับมาตรฐานราชาธิปไตยของโลก ก็ไปกระทบผลประโยชน์ของกลุ่มอนุรักษ์นิยม
ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
การต่อต้านและล้มรัฐบาลประชาธิปไตย โดยการรัฐประหาร จึงเกิดขึ้นแบบซ้ำซาก 3
เวลา ทั้งก่อนและหลังตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยและทั้งก่อนเขียนและหลังเขียนรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตย
จวบจนปัจจุบัน
6.
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2550 การออกพ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ ไม่ใช่การแก้ไข เพื่อคนใด
คนหนึ่ง
หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นสำคัญ แต่เป็นเจตนารมณ์อันสำคัญที่สุด ของกลุ่มประชาธิปไตย
ที่มีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งในและต่างประเทศที่มีความมุ่งหวังมาตั้งแต่โบราณของความเป็นมนุษย์ทั้งในประเทศและโลก
ที่ต้องการให้คนทุกคนหรือสรรพสิ่งในประเทศและโลก มีสิทธิเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพ ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
ที่ควรต้องเป็นตามมาตรฐานประชาธิปไตยของโลก หรือแม้แต่การแสดงความคิดเห็นต่อกฎหมายอาญา
มาตรา 112 ถ้าคิดในหลักของระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง คิดด้วยสามัญสำนึก
คิดอย่างบริสุทธิ์ ทุกอย่างไม่มีเจตนารมณ์ในการล้มล้างสถาบันใดในประเทศ
ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน แต่เป็นเจตนารมณ์ของประชาธิปไตย
ที่ต้องการปลดแอกประชาชน ปลดแอกประเทศ จากประเทศกำลังพัฒนา สู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทั้งระบบ อย่างแท้จริง ด้วยวิจารณญาณแห่งระบอบประชาธิปไตย อันหมายถึง สิทธิเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2550 การออกพ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ /แม้แต่อาจมีการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา112 ในยุคโลกาภิวัฒน์ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีแต่ได้ในเชิงการพัฒนาประเทศทั้งระบบและการสร้างสรรค์ระบอบประชาธิปไตยให้ประเทศและโลก แต่ถ้าเสียก็คงเป็นการเสียความรู้สึกตามทัศนคติของคนส่วนหนึ่ง
ที่มีต่อบุคคลคนๆหนึ่ง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสิ่งมีชีวิต
โดยเฉพาะมนุษย์ แต่คงไม่มากไปกว่าคน ที่ เกิดความรู้สึกดีๆทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ แต่การเสียความรู้สึกของคนส่วนหนึ่งในประเทศ
ก็คงต้องไม่ทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารระบอบประชาธิปไตยทั้งระบบขึ้นได้ ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่กว่าในประเทศและต่างประเทศ
ต้องเสียความรู้สึกต่อการทำลายระบอบประชาธิปไตย ต่อการทำลายสิทธิเสรีภาพ
ความเสมอภาคและภราดรภาพ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์/อุดมการณ์ของมนุษย์ทั้งโลก.
7.
รัฐธรรมนูญ
พ.ศ.2550 ถือเป็นรัฐธรรมนูญ ที่ได้มาและได้รับการรับรองจากระบบเผด็จการทั้ง
ทางตรงและอ้อม
แต่เราก็ต้องทำใจเชิงเผด็จการตนเองอีก ในการทำใจยอมรับชั่วคราว
ในเมื่อรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญของประเทศ
โดยไม่ต้องใช้ดุลพินิจหรือส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในการเป็นรัฐบาล มีเจตนาดีในการแก้ไขปัญหาการปฏิวัติรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อมในระบอบประชาธิปไตยของประเทศ
เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางการเมืองทั้งระบบ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ทั้งฉบับ และการออกพ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ
ควรต้องดำเนินการต่อไป ตามกระบวนการของระบอบประชาธิปไตย อย่างแท้จริง โดยรัฐสภาเป็นสถาบันนิติบัญญัติ
ที่มีอำนาจสูงสุด และภาคประชาชน เป็นสถาบันที่ให้การรับรองตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ในการดำเนินการ/ผลการดำเนินการ
ก็อาจมีทั้งคนเสียความรู้สึกและได้ความรู้สึก เป็นเรื่องปกติ แต่การได้ความรู้สึกและเสียความรู้สึกต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย แต่ถึงอย่างไร การเสียความรู้สึก ก็ดีกว่าการทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต
หลายร้อย หลายพันเท่า.
“ ชนชั้นนำในประเทศ
ที่คิดว่าการปฏิวัติรัฐประหาร เป็นการแก้ปัญหาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศได้
ทั้งระบบ ก็เท่ากับเป็นแสดงตัวในการขัดขวางการพัฒนาประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองระบอบประชาธิปไตย
สู่ ประชาคมอาเซียน สู่จุดมุ่งหมายการดำเนินงานขององค์การสหประชาชาติ ”
หมายเหตุ
: สหประชาชาติ
(อังกฤษ: United Nations; ตัวย่อ: UN) หรือ องค์การสหประชาชาติ
เป็นองค์การระหว่างประเทศซึ่ง มีความมุ่งหมายที่แถลงไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ความร่วมมือในกฎหมายระหว่าง
ประเทศ ความมั่นคงระหว่างประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ กระบวนการทางสังคม สิทธิมนุษยชน และการบรรลุสันติภาพโลก
สหประชาชาติก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อแทนที่สันนิบาตชาติ เพื่อยุติสงครามระหว่างประเทศ
เพื่อเป็นเวทีสำหรับการเจรจา สหประชาชาติมีองค์กรจำนวนมาเพื่อนำภารกิจไปปฏิบัติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น