จากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง
นับตั้งแต่หลังการปฏิวัติโดยคณะราษฎร์ ถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 81 ปี และในเวลาที่ผ่านมาเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง
มีคำตอบในตัวเสร็จสรรพ ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง
วันนี้จึงไม่ใช่วันที่จะค้นหาความจริงหรือเดินหน้าผ่าความจริง
แต่เป็นวันสร้างจิตสำนึก พัฒนาและลบล้างข้อเท็จจริงของทุกฝ่าย
ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ แบบมีรัฐสภา
และที่สำคัญการค้นหาความจริงและการเดินหน้าผ่าความจริง ซึ่งข้อเท็จจริง
ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไปกระทบต่อสถาบันชาติ (ทุกเชื้อชาติ) ศาสนา
(ทุกศาสนา)และสถาบันประมุขของประเทศชาติ
ได้เพราะข้อเท็จจริงทางการเมืองได้ทำให้เกิดความเชื่อมโยงและส่งผลกรทบไปถึง3สถาบันของประเทศชาติอย่างพร้อมสรรพ
การค้นหาความจริงและการเดินหน้าผ่าความจริง จึงเป็นการสร้างความแตกแยกในเชื้อชาติ
ศาสนาและความคิดการเมืองในชาติ
มากว่าการสร้างและรวมความแตกต่างให้เกิดความเป็นประเทศชาติ
การที่รัฐบาล
และสมาชิกรัฐสภา จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550และออกพ.ร.บ.เกี่ยวกับเศรษฐกิจ
สังคม และการเมืองระบอบประชาธิปไตย โดยอาศัยรัฐสภา
จึงไม่ใช่วิธีการค้นหาความจริงวันนี้ แต่เป็นวิธีการของระบอบประชาธิปไตย
ตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศชาติ
และการที่ฝ่ายค้านจะคัดค้านและต่อต้านนอกระบบในรัฐสภาหรือจะคัดค้านและต่อต้านนอกระบบนอกรัฐสภาร่วมกับกลุ่มหน้ากากขาว
กลุ่มที่อ้างตัวเป็นกลุ่มอัลเคด้าหรือกลุ่มที่อ้างตัวเป็นดาวแดงหรือกลุ่มอื่นๆ
จนนำไปสู่การสกัดและยับยั้งระบอบประชาธิปไตย
จึงไม่ใช่วิธีการเดินหน้าผ่าความจริงวันนี้ เช่นกัน แต่ทั้ง2วิธีมีคำตอบในตัวพร้อมสรรพ
ว่าวิธีการอย่างไร ที่เป็นวิธีการวันนี้คือความจริง
ที่จำเป็นต้องยึดเจตนารมณ์ของการเมืองระบอบประชาธิไตย แบบมีรัฐสภา
ดังนั้น
วันนี้คือความจริง จึงเป็นการเดินหน้าของทุกฝ่ายทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ แบบมีรัฐสภา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น