รัฐธรรมนูญ 2550 ถือเป็นกฎหมายอาญาสูงสุดทางการเมืองของประเทศไทย เปรียบเสมือนพี่ใหญ่กฎหมายอาญามาตรา112 คือ พยายามใช้คำใช้ประโยคให้สอดรัด เพื่อผูกมัดการเมืองระบอบประชาธิปไตยไว้กับ สถาบันเป็นสำคัญ ดูเหมือนเจตนาจะดึงสถาบันเข้าไปยุ่งเกี่ยวการเมือง ดั่งระับอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งดูแล้วเป็นการกระทำที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติทั้งระบบล้มเหลว อย่างสิ้นเชิง เพราะองค์พระประมุขตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย เปรียบเสมือนต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น อยู่แล้ว ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักสำคัญยิ่งของกลุ่มอนุรักษ์นิยมขวาจัด เพื่อต่อต้านฝ่ายตรงข้าม ทางการเมือง เป็นสำคัญ
และการกระทำนั้น ก็เปรียบเสมือนการ ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่ฝ่ายตรงข้ามทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่งผลให้การเมืองระบอบประชาธิปไตย ขาดความสมบูรณ์ ที่การเมืองควรต้องเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเ้พื่อประชาชน ที่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและภราดรภาพในทุกด้าน ที่ไม่ใช่การเมืองระบอบประชาธิปไตย ที่ไปสอดคล้องกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเมื่อระบบการเมืองของประเทศถอยหลัง ระบบอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี้ยงไม่ได้
ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 จึงต้องแก้ไขตามหลักและวิธีการของ "ประชาสิทธิืราษฎร์ " คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายประชามติ เป็นลำดับ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้แก้ไข เปลี่ยนแปลงการปกครอง /ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 จึงไม่จำเป็นต้องทำประชามติก่อนดำเนินการแก้ไข และการแก้ไขรายมาตรา ซึ่งดูแล้วทุกมาตราที่เกี่ยวกับการเมืองระบอบประชาธิปไตย ได้ถูกผูกมัดเข้าด้วยกัน เป็นเครือข่าย ในการแก้ไขรายมาตราก็เปรียบเสมือนการแก้ไขทุกมาตรา เมื่อจะแก้ไขแล้วควรต้องดำเนิการแก้่ไขในภาพรวมทั้งฉบับ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าแก้ไขทุกมาตรา เช่น มาตราที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองตามมาตรา 68 จึงจะสมดั่งประเทศที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ "ประชาสิทธิราชย์ "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น