วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิกฤตของพธม.และ ปชป. แต่โอกาสของ นปช.และเพื่อไทย


จุดจบของพรรค ปชป.ในระบอบประชาธิปไตย  และเป็นระบบเผด็จการเสียงข้างน้อยทั้งในสภาและนอกประชา
นี้คือพื้นฐานของนาซีธิปไตยของไทยโดยแท้จริง   คนเหล่านี้จริงๆแล้วไม่ใช่มนุษย์ที่ฝักใฝ่ในระบอบ
ประชาธิปไตย  แต่เป็นพวกที่ยังฝั่งตัวและจิตใจในอดีต  สิ่งใดที่ตนเองคิด สิ่งใดที่ทำ มันคือความถูกต้องและชอบธรรมของคนเหล่านี้  สิ่งใดที่มนุษย์คนอื่นคิดและทำ สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิดและไม่ชอบธรรมของพวกเขา ต้องต่อต้านทุกวิถีทาง  คนกลุ่มนี้จริงแล้ว คือ ผู้ที่นิยมในระบบศักดินา หรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์. จะสังเกตประเทศระบอบประชาธิปไตย ที่จะมีการปฏิรูปสิ่งใดในประเทศ เขาใช้ระบอบประชาธิปไตย  โดยรัฐสภา และหรือประชามติจากประชาชนเป็นสำคัญ ผลเป็นประการใดทุกคนควรยอมรับ แต่ถ้าประเทศใดปกครองแบบเผด็จการ การเปลี่ยนแปลงสิ่งใด จะไม่ได้รับการตอบสนอง ซ้ำร้ายผู้เลือกร้องจะได้รับโทษทั้งทางตรงและทางอ้อม. ประเทศไทย คนส่วนน้อยยังใช้อำนาจ บารมีกดขี่และทำลายความคิดของคนส่วนใหญ่  คนพวกนี้ยังใช้ความคิดแบบไทยโบราณ คือ ห้าม..และ อย่าให้คนอื่นทำในสิ่งที่อยู่เหนือความคิดของตนเอง  คนไทยในภาพรวมจึงขาดความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ  นี้คือการทำลายความคิดสร้างสรรค์ขั้นพื้นฐานของมนุษย  การทำให้ประชาชนมีความคิดสร้างสรรค์พัฒนาประเทศ  ต้องริเริ่มตั้งแต่การปกครองให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง อย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาปล่อยอิสระความคิดของประชาชน จนมีนักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นมามากหมายในโลกนนี้ ในอดีตส่วนใหญ่เป็นคนอเมริกาและยุโรป ปัจจุบัน เพิ่มมากขึ้น คนอเมริกา ยุโรปและเอเชีย เช่นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งจีนเอง.
ดังนั้น การที่มีกลุ่มคนพยายามต่อต้านการพัฒนาประเทศทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ถือว่าเป็นการทำลายความคิดสร้างสรรค์ขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างแท้จริง.ปชป.และพันธมิตร ถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลเหล่านี้
ความจริงของ  ปชป.และพันธมิตรได้ลอยขึ้นเหนือน้ำอีกครั้ง และได้ตอกย้ำการล่มสลายในระบอบประชาธิปไตยของปชป.แบบฝังทั้งเป็นด้วยตนเองลงลึกไปอีก คือนี้การปฏิบัติตัวแบบประชาธิปไตยของพวกบริวารอำมาตย์   พวกนี้กฏหมายทำอะไรไม่ได้  ประเทศไทยในยามนี้ถือได้ว่ากระบวนการทางกฏหมายและการบังคับใช้กฏหมาย ไม่มีความยุติธรรมเหลืออยู่แล้วก็ว่าได้ เพราะการบังคับใช้กฏหมายไม่อยู่บนพื้นฐานโดยยึดประชาชนเป็นสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน  มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเอนเอียงเห็นได้ชัด นี้คือจุดนำพาให้ประเทศแตกแยกอย่างแท้จริงและเพิ่มมากขึ้น. ดังเห็นจาก เช่น คดีนายสนธิ พันธมิตรและพวกพ้องยึดสนมบินสุวรรณภูมิ ยึดทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี2549 ปํจจุบันพวกนี้ก็ยังจะปฏิบัติตัวเช่นเดิม โดยไม่มีการรับโทษใดๆ ซึ่งต่างจากประชาชนอีกลุ่มหนึ่ง พรรคการเมืองพรรคหนึ่งหรือหลายพรรคยกเว้น ปชป.กลับได้รับการลงโทษอย่างอย่างเผด็จการนิยม. มันของจริง ทีคนพวกนี้ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง
วิธีการของคนกลุ่มนี้คือคลุมถุงชนให้คนเชื่อใรความคิด ชี้ว่าผิดเมื่อมีคนคิดต่าง.
ประเทศที่ปกครองระบอบคอมมิวนิตส์ คือประเทศประชาธิปไตยแบบซ้ายสุด  ประเทศที่ปกครองแบบประธานาธิบดี และกึ่งประธานาธิบดี คือประเทศประชาธิปไตยขวาสุด  นอกนั้นเป็นแบบเผด็จการ และกึ่งเผด็จการ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น