วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ร่วมมือร่วมใจทำ กับร่วมมือรวมแรงค้าน


 โดย...ชน

นโยบายของพรรคการเมืองที่เป็นไปเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ถือเป็นนโยบายพัฒนาประเทศชาติโดยรวม
การดำเนินการตามนโยบายพัฒนาทางเศรษฐกิจ เช่น โครงการรับจำนำข้าว โครงการสินค้าโอท๊อป และการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ  การดำเนินการตามนโยบายพัฒนาสังคม เช่น กองทุนหมู่บ้าน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติและการบริหารจัดการน้ำ  
การดำเนินการตามนโยบายการพัฒนาทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย ที่จำต้องอาศัยกฎเกณฑ์แห่งจริยธรรมทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยซึ่ง เป็นสากล เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 การออกพ.ร.บ.เงินกู้ 2ล้า่นล้านบาท การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการออกพ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นการดำเนินการตามนโยบายพัฒนาประเทศชาติโดยรวม ตามระบอบประชาธิปไตย
จึงถือว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายโดยต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจทำตามระบอบประชาธิปไตย
แต่การดำเนินการตามนโยบายทั้ง 3 ด้านของรัฐบาล ก็ถือเป็นสิทธิและหน้าที่ของฝ่ายค้านและผู้ไม่เห็นชอบจะตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจำต้องอาศัยกฎเกณฑ์แห่งจริยธรรมทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นสากล เช่นเดียวกัน จึงจะถือว่าร่วมมือร่วมใจพัฒนาประเทศชาติโดยร่วม แต่การไม่เห็นด้วยในนโยบายทั้ง3 ด้านของรัฐบาล โดยมุ่งหวังทำลายความปรองดองทางการเมือง การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมของรัฐบาล ถือเป็นการร่วมมือร่วมแรงค้านและต่อต้าน ตามชั้นเชิงระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ  

ตอนที่ 2 ประกบนโยบายและประกบคู่
ในขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการปฏิบัติราชการตามนโยบายด้านเศรษฐกิจ
เช่น โครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐบาลเชื่อว่าเป็นโครงการที่รักษาผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนภาคเกษตรกร และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
การปฏิบัติราชการด้านสังคม เช่น การบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และการปฏิบัติราชการด้านการเมือง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ และการออกพ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายค้านและผู้ไม่เห็นชอบนโยบายของพรรคการเมืองรัฐบาล เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็มีการประกบนโยบาย และประกบคู่ คัดค้านและจรวจสอบเพื่อต่อต้านการปฏิบัติราชการของรัฐบาลทุกๆด้านเช่นเดียวกันทั้งในสภาและนอกสภา ชนิดหวังผลให้รัฐบาลล้มครืนลงในพริบตา ก็ว่าได้
การคัดค้านและตรวจสอบเพื่อต่อต้านนโยบายของรัฐบาล จนนำไปสู่การรัฐประหารระบอบประชาธิปไตย อย่างที่ผ่านมา ถือเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม ที่ไม่มีความเป็นธรรม และไม่มีความหมายในทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย
แต่การคัดค้านและตรวจสอบเพื่อต่อต้านชนิดประกบนโยบาย และประกบคู่ในทุกๆด้าน ทั้งในสภาและนอกสภา เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการเมืองระบอบประชาธิปไตย การสร้างความปรองดองในชาติ การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม ที่ไม่ใช่ลักษณะการก่ออาชญากรรมทางการเมือง และประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบตามระบอบประชาธิปไตย ถือว่าเป็นสิ่งที่ชอบธรรม ที่มีความเป็นธรรม และมีความหมายต่อระบอบประชาธิปไตย

ตอนที่ 3 สวมหน้ากากชั้นที่ 4 ไล่
รัฐธรรมนูญ 2550 ที่ได้มาจากการรัฐประหาร ยังไม่สามารถกำหนดได้เลยว่ารัฐบาลต้องมาจากการแต่งตั้ง โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
การขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เห็นแล้วว่าไล่มาตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบันพรรคการเมืองรัฐบาลก็ยังชนะการเลือกตั้งทุกครั้งไป นอกเสียจากว่าประเทศไทยไม่มีรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่เหตุการณ์ที่ประเทศจะปราศจากรัฐธรรมนูญดั่งอดีต นั้น ถือเป็นจุดเริ่มนำไปสู่การก่ออาชญากรรมทางการเมืองอย่างอัปยศ จึงเชื่อว่าการสร้างพลังมวลชนเพื่อขับไล่รัฐบาล ที่กำลังปฏิบัติราชการตามนโยบายทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองระบอบประชาธิปไตย จะไม่สามารถนำไปสู่การทำให้ประเทศปราศจากกฎหมายรัฐธรรมนูญได้ เพราะประเทศชาติมีความมั่นคงในระบอบประชาธิปไตย เป็นส่วนใหญ่ " ทุกวันนี้มนุษย์ก็สวมหน้ากากหน้าเนื้ออยู่แล้ว ไฉนยังไปนำหน้ากากมาสวมใส่อีกทำไมเล่า หรือว่า การกล่าวอ้างถึงคำว่าชาติ ศาสนา และสถาบันมาชี้นำเพื่อล้มล้างระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งต้องห้ามทางการเมืองอย่างแท้จริง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลจึงเปลี่ยนไปนำหน้ากากขาวของบุคคลที่ลอบวางระเบิดสถาบันในประเทศอังกฤษในอดีต มาชี้นำขับไล่รัฐบาล

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทุนสามานย์ สู่การรัฐประัหารระบอบประชาธิปไตย


การต่อต้านและสร้างความปั่นป่วนรัฐบาลและหวังล้มรัฐบาล มีแน่นอนจากกลุ่มที่ไม่ชอบนโยบายของรัฐบาล ที่รู้ทั้งรู้ว่าระบบรัฐสภา ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ฉบับรัฐประหาร เมื่อ 19 กันยายน 2549 ,การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม,การออกพ.ร.บ.ความปรองดองแห่งชาติ และแม้กระทั่งการออกพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลได้ จึงมุ่งหวังพึงศาลรัฐธรรมนูญ ในการหยุดยั้งการดำเนินการของรัฐบาล ผู้เขียนมองว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งรัฐบาล ที่ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลของระบอบประชาธิปไตย ได้ตลอดไป เพียงแต่ให้คำแนะนำได้เพียงชั่วขณะ เท่านั้น เพราะหลักการในทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตย มาจากระบอบประชาธิปไตย จึงสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลและสร้างความปั่นป่วนหวังล้มรัฐบาล ทั้งในรัฐสภาและนอกรัฐสภา ในกลุ่มต่อต้านและสร้างความปั่นป่วนรัฐบาล ในรัฐสภา แน่นอนพรรคฝ่ายค้านแสดงให้เห็นชัดเจนว่าต่อต้านเต็มที่ ส่วนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลนอกรัฐสภา ก็เริ่มตั้งแต่กลุ่มพธม. สู่กลุ่มแช่แข็งประเทศไทย กลุ่มไทยสปริง และสู่กลุ่มหน้ากากขาวกาย ฟอคส์หรือกลุ่มดินระเบิด เพราะกาย ฟอคส์ เป็นบุคคลที่หวังโค่นล้มสภาขุนนางอังกฤษ ในปีค.ศ. 1605ด้วยแผนระเบิดดินปืน แต่ไม่สำเร็จ
การต่อต้านและสร้างความปั่นป่วน
หวังล้มรัฐบาลด้วยเพียงเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้รัฐบาลยุบสภาหรือเป็นเหตุนำไปสู่การรัฐประหารรัฐบาลได้ แต่การต่อต้านและสร้างความปั่นป่วนหวังล้มรัฐบาลด้วยเหตุผลข้อเท็จจริงทั้งปวง โดยการใช้ทุนสามานย์ คือปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้การต่อต้าน เกิดความปันป่วน และอาจนำไปสู่การรัฐประหารรัฐบาลระบอบประชาธิปไตย ตามมาโดยระบอบเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ อย่างเดิมๆก็ได้ แต่การดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลในระบอบประชาธิปไตยของรัฐบาล คือสิ่งที่ค้ำจุนรัฐบาลระบอบประชาธิปไตย